
รายละเอียดผลิตภัณฑ์
จากประสบการณ์ที่ครูก้อยให้คำปรึกษากับแม่ๆ ผู้มีบุตรยากในเพจ BabyAndMom.co.th มาถึง 7 ปี ทำให้ครูก้อยได้ทราบถึงปัญหาที่ส่งผลต่อการมีบุตรยาก ว่ามีหนึ่งสาเหตุที่ทุกคนมองข้าม และอาจจะเป็นรูรั่วที่ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์ นั่นคือ เรื่องของจุลินทรีย์ในลำไส้ จุลินทรีย์ในช่องคลอด จุลินทรีย์ในรังไข่ และจุลินทรีย์ในมดลูก ซึ่งปัจจุบันมีงานวิจัยใหม่ ๆ ออกมาค่อนข้างมาก เกี่ยวข้องกับจุลินทรีย์ชนิดดีที่เรียกว่า โพรไบโอติกส์ ซึ่งส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์
งานวิจัยพบว่า การมีโพรไบโอติกส์ที่ไม่สมดุลในระบบสืบพันธุ์และลำไส้ ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันแย่ลง และเพิ่มค่าการอักเสบในร่างกาย ซึ่งส่งผลต่อโรคทางสูติศาสตร์และภาวะมีบุตรยาก เช่น การติดเชื้อในช่องคลอดเนื่องจากจุลินทรีย์ที่ไม่ดี (Escherichia coli และ Staphylococcus aureus) มากขึ้น ทำให้ pH ในช่องคลอดไม่สมดุล ส่งผลต่อการตายของสเปิร์มและทำให้เกิดอัตราการปฏิสนธิที่ต่ำ นอกจากนี้ยังมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับโรคทางสูติศาสตร์อื่นๆ อีกมากมาย เช่น ท่อนำไข่อุดตัน, การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน, ทางเดินปัสสาวะ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ทั้งหมดนี้เกิดจากความไม่สมดุลของจุลินทรีย์ในระบบสืบพันธุ์
การมีรอบเดือนที่ไม่ปกติหรือภาวะ PCOS มักเกิดจากภาวะดื้ออินซูลินหรือระดับน้ำตาลในเลือดที่สูง โดยงานวิจัยพบว่าโพรไบโอติกส์อาจมีส่วนช่วยให้สามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ และอาจมีส่วนช่วยในการรักษา PCOS รวมถึงป้องกันภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์
โพรไบโอติกส์สัมพันธ์กับการฝังตัวอ่อน งานวิจัยล่าสุดพบว่าหากมีโพรไบโอติกส์ เช่น แลคโตบาซิลัสและบิฟิโดแบคทีเรียม มากกว่า 80% ในเยื่อบุโพรงมดลูก อาจมีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสในการฝังตัวอ่อนสำเร็จ ดังนั้น การไม่สำเร็จในการฝังตัวอ่อนหรือการแท้งซ้ำ ๆ อาจเกิดจากความไม่สมดุลของโพรไบโอติกส์ นอกจากนี้ ค่าการอักเสบในร่างกาย ส่งผลต่อคุณภาพของไข่และตัวอ่อน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการฝังตัวอ่อนในกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว (ICSI) และค่าการอักเสบนี้เกิดจากร่างกายของคุณแม่ที่มีภูมิคุ้มกันไม่ดี
70% ของภูมิคุ้มกันเริ่มต้นที่ลำไส้ ซึ่งเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญไม่แพ้สมอง ลำไส้ไม่เพียงแต่มีหน้าที่ย่อยอาหาร แต่ยังเชื่อมโยงกับระบบประสาท, การขับถ่าย, ระบบภูมิคุ้มกัน และการสืบพันธุ์ หากลำไส้อ่อนแอหรือมีจุลินทรีย์ชนิดดี (โพรไบโอติกส์) น้อย อาจเกิดการบุกรุกของจุลินทรีย์หรือแบคทีเรียที่ไม่ดีเข้าสู่ลำไส้ สามารถทำลายจุลินทรีย์เจ้าถิ่น ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่คอยปกป้องร่างกายเราอยู่ ก็จะทำให้เรามีภูมิคุ้มกันต่ำลง เจ็บป่วยได้ง่าย เกิดค่าการอักเสบในร่างกาย แล้วนำไปสู่การตั้งครรภ์ที่ยากขึ้น
สำหรับแม่ที่กำลังวางแผนทำเด็กหลอดแก้ว ควรปรับสมดุลสุขภาพลำไส้ด้วยการทานโพรไบโอติกส์เสริมก่อนอย่างน้อย 1-2 เดือน เพื่อป้องกันอาการท้องผูกขณะใส่ตัวอ่อน และเพื่อลดอาการท้องผูกในระหว่างการตั้งครรภ์ การนั่งชักโครกนานหรืออาการอื่น ๆ ที่อาจมีส่วนช่วยส่งผลกระทบต่อการฝังตัวของตัวอ่อน หรือเกิดการแท้ง แม่ ๆ ที่อยู่ในช่วงใส่ตัวอ่อน ควรหลีกเลี่ยงการทานยาถ่ายหรือไฟเบอร์ดีท็อก เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ และอาจทำให้ลำไส้บีบรัดแรง ซึ่งส่งผลต่อการฝังตัวของตัวอ่อน ดังนั้นการทานโพรไบโอติกส์เป็นวิธีที่ดีในการแก้ปัญหานี้
แม่ ๆ ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร เช่น การมีแก๊สมากในกระเพาะ หรือท้องอืด อาจมีส่วนช่วยให้มีผลกระทบต่อการฝังตัวของตัวอ่อน เนื่องจากแก๊สเกิดจากการหมักอาหารในลำไส้ ส่งผลให้สภาวะแวดล้อมในลำไส้เป็นพิษ และตัวอ่อนได้รับความเสียหาย อาจมีส่วนช่วยให้ตัวอ่อนมีคุณภาพต่ำ หรือตัวอ่อนตายในที่สุด นอกจากนี้ โพรไบโอติกส์อาจมีส่วนช่วยปรับปรุงสภาพลำไส้ ลดปัญหาท้องผูก และป้องกันการท้องเสีย ซึ่งสำคัญสำหรับการใส่ตัวอ่อนในกระบวนการทำเด็กหลอดแก้วให้ประสบความสำเร็จ
ด้วยเหตุนี้ครูก้อยจึงคิดค้นผลิตภัณฑ์ Ferty Probiotics ขึ้นมาเพื่อเก็บทุกเม็ด เติมทุกจุด อุดทุกรูรั่ว ให้กับแม่ ๆ ที่อยากมีลูกได้รับประทานเสริมโพรไบโอติกส์ชนิดดี ที่เหมาะสมกับสตรีวางแผนตั้งครรภ์ โดยผลิตภัณฑ์นี้มีประโยชน์ดังนี้ค่ะ
1.ป้องกันการเข้าถึงของเชื้อโรคที่ผิวเยื่อบุลำไส้ โดยการสร้างเกราะป้องกัน
2.ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อที่ไม่ดี และเชื้อที่ไม่สมดุลในร่างกาย ซึ่งสามารถนำไปสู่โรคต่างๆ ที่เกี่ยวกับสูติศาสตร์ อย่างเช่น การติดเชื้อในช่องคลอด, ท่อนำไข่อุดตัน, pH ในช่องคลอดไม่สมดุล , การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน,การติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะ, การติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นต้น
3.อาจมีส่วนช่วยสังเคราะห์โฟเลต ซึ่งมีส่วนในการสร้างตัวอ่อน และป้องกันความผิดปกติของระบบประสาท ภาวะไม่มีเนื้อสมอง ภาวะหลอดประสาทไม่ปิด (Neural tube defect (NTDs)) ซึ่งอาจนำมาซึ่งความพิการแต่กำเนิดของทารก
4.เพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมวิตามิน ซึ่งสำคัญสำหรับการบำรุงร่างกายในช่วงก่อนการตั้งครรภ์ หากลำไส้ของเราเป็นลำไส้ที่ถูกเกาะไปด้วยจุลินทรีย์ก่อโรค และระบบลำไส้ทำงานไม่ดี การดูดซึมอาหารหรือการกระตุ้นสร้างวิตามินต่างๆ จะไม่เต็มประสิทธิภาพ
5.เหนี่ยวนำการกระตุ้นการตอบสนองต่อภูมิคุ้มกัน และอาจมีส่วนช่วยลดปัญหาทางลำไส้ เช่น ท้องผูก หรือท้องเสีย เมื่อระบบลำไส้สมดุล จะนำพาไปสู่การกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้เข้าสู่ภาวะสมดุลที่ดีได้ทั้งระบบในร่างกาย ซึ่งภูมิคุ้มกันที่ดีนำไปสู่ภาวะมีบุตรง่าย
6.รักษาสมดุล pH ของจุลินทรีย์ในลำไส้และมดลูก ซึ่งสำคัญสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ เนื่องจากขณะตั้งครรภ์ ร่างกายของแม่ๆ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของจุลินทรีย์ที่ดี (Probiotics) ที่ลดลง อาจมีส่วนช่วยก่อให้เกิดความเสี่ยงต่างๆ ตามมา เช่น ท้องเสียได้ง่าย การดูดซึมอาหารไม่ดี มีอาการท้องผูก ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้ง่าย หรือ ติดเชื้อบริเวณช่องคลอด เป็นต้น
7.อาจมีส่วนช่วยเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในลำไส้ ลดแก๊สพิษ และส่งเสริมการฝังตัวของตัวอ่อน
8.งานวิจัยพบว่า การรับประทานโพรไบโอติกส์อาจมีส่วนช่วยลดภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้
9.แม่ ๆ ที่รับประทานโพรไบโอติกส์อย่างต่อเนื่อง จะสามารถส่งต่อภูมิคุ้มกันให้กับลูกน้อย โดยทารกจะได้รับโพรไบโอติกส์ทางรกและน้ำนม ซึ่งอาจมีส่วนช่วยป้องกันการติดเชื้อและงานวิจัยพบว่า โพรไบโอติกส์อาจมีส่วนช่วยยับยั้งการติดเชื้อได้ อาจมีส่วนช่วยเพิ่มน้ำหนักทารกที่มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ ลดระยะเวลาการอยู่ รพ. ของทารก มีน้ำหนักแรกคลอดตามเกณฑ์ ลดอาการภูมิแพ้ในเด็ก และอาจมีส่วนช่วยป้องกันการติดเชื้อ หลังตั้งครรภ์โพรไบโอติกส์จะส่งต่อผ่านน้ำนม ซึ่งเมื่อลูกได้ดูดนมแม่ก็จะได้รับโพรไบโอติกส์ชนิดดีอีกช่องทางหนึ่ง ทำให้ลูกมีภูมิคุ้มกันที่ดี
สำหรับคุณแม่ที่กำลังวางแผนการผ่าคลอด การรับประทานโพรไบโอติกส์ในช่วงการตั้งครรภ์ เป็นสิ่งที่ครูก้อยอยากแนะนำเป็นอย่างมาก เนื่องจากในช่วงผ่าคลอด แม่ ๆ จะต้องรับประทานยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อจำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้จำนวนของโพรไบโอติกส์ในร่างกายลดลง ทารกอาจถูกลดโอกาสได้รับโพรไบโอติกส์ผ่านทางช่องคลอดน้อยลง และยังมีการรับประทานยาปฏิชีวนะเพิ่มเติม อาจมีส่วนช่วยให้ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของทารก นอกจากนี้ งานวิจัยยังแสดงว่าโพรไบโอติกส์อาจมีส่วนช่วยให้สามารถช่วยลดภาวะซึมเศร้าหลังการคลอดได้
จะเห็นได้ว่าโพรไบโอติกส์มีความสำคัญในทุกช่วงของการตั้งครรภ์ตั้งแต่ก่อนท้อง ขณะท้อง และตอนให้นมบุตร เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ของร่างกายและปรับสมดุล เพราะในชีวิตประจำวันเรามักได้รับโพรไบโอติกส์ชนิดดีไม่เพียงพอ อีกทั้งยังสูญเสียโพรไบโอติกส์ไปจากอายุที่เพิ่มขึ้น พฤติกรรมและอาหารการกินบางอย่าง เช่น การทานคาเฟอีน การกินหวาน การได้รับยา
ปฏิชีวนะ การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นต้น สาเหตุเหล่านี้ล้วนทำให้โพรไบโอติกส์ลดลง ดังนั้นครูก้อยจึงอยากแนะนำให้ทานโพรไบโอติกส์เสริมเข้าไป
สำหรับผลิตภัณฑ์ Ferty Probiotics ที่ครูก้อยทำขึ้นเพื่อชาวเรา สิ่งสำคัญคืออสจช่วยเสริมสุขภาพแก่คนที่ต้องการมีบุตร หรือคนที่มีปัญหาในการมีบุตร ผลิตภัณฑ์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถรับประทานได้ตลอดระยะเวลาของการตั้งครรภ์ และการให้นมบุตรด้วย ครูก้อยได้เพิ่มพรีไบโอติกส์เข้าไปในผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นอาหารสำหรับโพรไบโอติกส์ ทำให้วงจรการมีชีวิตอยู่ของโพรไบโอติกส์นั้นยาวนาน และคงทนมากขึ้น สิ่งที่เด่นของผลิตภัณฑ์นี้คือการเลือกใช้ Larch arabinogalactan extract สารสกัดจากสน ซึ่งมีการรับรองจากสิทธิบัตร ResistAid® และนำเข้ามาจากสวิตเซอร์แลนด์ ตัวนี้ได้รับการวิจัยและพิสูจน์ว่ามีความปลอดภัยและไม่มีผลกระทบต่อลำไส้ ทำให้เหมาะสมกับผู้หญิงที่ต้องการมีบุตร และผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ พรีไบโอติกส์จะถูกย่อยและดูดซึมในลำไส้ใหญ่ ซึ่งเป็นที่อยู่ของโพรไบโอติกส์ ทำให้โพรไบโอติกส์ได้รับอาหารโดยตรงและทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
โพรไบโอติกส์ที่ครูก้อยเลือกใช้ก็เป็นโพรไบโอติกส์ที่ปลอดภัย และมีงานวิจัยรองรับ นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นและประเทศอเมริกา โดยเราจะใส่โพรไบโอติกส์ 2 กลุ่ม ได้แก่กลุ่ม Lactobacillus และ Bifidobacterium ทั้งหมด 9 สายพันธุ์
-Lactobacillus rhamnosus HN001
-Lactobacillus acidophilus La-14
-Lactobacillus acidophilus NCFM
-Bifidobacterium lactis HN019
-Lactobacillus gasseri
-Lactobacillus crispatus
-Bifidobacterium longum BB536
-Bifidobacterium breve M-16V
-Bifidobacterium breve B-3
ซึ่งทั้ง 9 สายพันธุ์นี้ เป็น 9 สายพันธุ์ที่เหมาะสมสำหรับชาวเรา โดยมีงานวิจัยรองรับทุกสายพันธุ์ว่าให้ผลลัพธ์ที่ดี และมีความปลอดภัยสูงสุด
นอกจากนี้ครูก้อยยังใส่ผลไม้ที่ให้สารต้านอนุมูลอิสระสูงอีก 5 ตัว ที่จะเป็น Super Antioxidants คือ สกัดจากส้มสีเลือด 3 สายพันธุ์ (Moro, Tarocco และ Sanguinello) ภายใต้สิทธิบัตร Red Orange Complex® จากประเทศอิตาลี, สารสกัดมะขามป้อม จากประเทศอินเดีย, ผลคามู คามู ซึ่งเป็นแหล่งวิตามินซีที่มีปริมาณสูง ระหว่าง 2,400 - 3,000 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม, วิตามินซี ปริมาณ 50 มิลลิกรัม, สารสกัดจากแบล็คเคอร์แรนท์ ที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ และมีประโยชน์ในการลดการอักเสบ
สารสกัดเหล่านี้ไม่เพียงแต่อาจมีส่วนช่วยยส่งเสริมภูมิคุ้มกัน แต่ยังอาจมีส่วนช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับแม่และทารกที่อยู่ในครรภ์ ทำให้แม่และทารกมีสุขภาพดี และได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน
ครูก้อยให้ความสำคัญกับการเลือกส่วนประกอบที่ดีที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์ Ferty Probiotic โดยเฉพาะในเรื่องของไฟเบอร์หรือกากใยอาหาร ที่เป็นสารที่อาจมีส่วนช่วยเสริมสร้างมวลถ่าย และเป็นประโยชน์สำหรับแม่ที่มีปัญหาเรื่องท้องผูก ในผลิตภัณฑ์นี้ ครูก้อยได้เลือกใช้ไฟเบอร์จากลูกพีช ที่นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่มีความปลอดภัย ไม่ทำให้เกิดการบิดมวนของกระเพาะอาหาร
นอกจากนี้ ครูก้อยยังได้เติมกรดโฟลิคเข้าไปในผลิตภัณฑ์นี้ ปริมาณถึง 200 มิลลิกรัม เพื่อให้เป็นการเสริมสร้างคุณภาพของไข่ และตัวอ่อน และยังอาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดพิการที่มากับการตั้งครรภ์ แต่เพื่อให้ได้ประโยชน์เต็มที่ คุณแม่ควรรับประทานผลิตภัณฑ์ OvaAll ที่มีกรดโฟลิค 0.2 มิลลิกรัม ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก ทั้งนี้เพื่อให้แม่และทารกมีสุขภาพที่ดีที่สุด
สุดท้ายนี้ครูก้อยอยากฝากผลิตภัณฑ์ Ferty Probiotics ที่คิดค้นมาจากความรู้ใหม่งานวิจัยอัพเดต อยากมีน้องต้องเสริมด้วยโพรไบโอติกส์ มั่นใจครูก้อย มั่นใจ Ferty มั่นใจ Ferty Probiotics 9 สายพันธุ์ที่ใช่ อัตราส่วนที่เหมาะสม ความปลอดภัยที่เหมาะสม #Ferty Probiotic โพรไบโอติกส์สายพันธุ์ที่ใช่เพื่อชาวเรา
ด้วยส่วนผสมหลักที่อาจมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานทั้ง 6 กระบวนการ ได้แก่
1.Probiotics
Lactobacillus rhamnosus HN001 (HOWARU® Feminine Health) อาจมีส่วนช่วยยับยั้งแบคทีเรียและเพิ่มจุลินทรีย์ชนิดดีในช่องคลอด ปรับสมดุล pH ในช่องคลอด และยังลดความเสี่ยงการเกิดภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์
Lactobacillus acidophilus La-14 (HOWARU® Feminine Health) อาจมีส่วนช่วยยับยั้งแบคทีเรียและเพิ่มจุลินทรีย์ชนิดดีในช่องคลอด ปรับสมดุล pH ในช่องคลอด
Lactobacillus acidophilus NCFM (Howaru Balance) อาจมีส่วนช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ชนิดดีในลำไส้ ลดเวลาการขนส่งอาหารในลำไส้ ลดอาการท้องงอืด ลดแก๊สไข่เน่า
Bifidobacterium lactis HN019 (Howaru Balance) อาจมีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติของร่างกาย ส่งผลต่อโอกาสในการตั้งครรภ์ที่สูงขึ้น ทั้งการท้องธรรมชาติ และการทำเด็กหลอดแก้ว
Bifidobacterium longum BB536 (Morinaga) จากงานวิจัยพบว่าอาจมีส่วนช่วยให้เชื้อ Bacteroides fragilis ลดลง (ซึ่งเป็นเชื้อที่อาจมีส่วนช่วยก่อให้เกิดโรคมะเร็งลำไส้ได้)
Bifidobacterium breve M-16V (Morinaga) อาจมีส่วนช่วยเพิ่มการดูดซึม polyphenol ได้ดีที่สุดในเวลาอันสั้น คือ 50% ภายในเวลา 1-3 ชั่วโมง
Bifidobacterium breve B-3 (Morinaga) ลดการอักเสบติดเชื้อซึ่งนำไปสู่ภาวะลำไส้รั่ว ทำให้ผนังลำไส้ให้อยู่ในสภาวะสมบูรณ์มากขึ้น
Lactobacillus gasseri ลดการเผาผลาญที่ผิดปกติและป้องกันการเพิ่มน้ำหนักและการสะสมของไขมัน
Lactobacillus crispatus ส่งเสริมสุขภาพระบบทางเดินปัสสาวะของผู้หญิง อาจมีส่วนช่วยรักษาจุลินทรีย์ในช่องคลอดให้เป็นปกติ
2.Prebiotics
Larch arabinogalactan extract มีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติกส์ เป็นอาหารของจุลินทรีย์ อาจมีส่วนช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้และไม่ทำให้ลำไส้บีบตัว ที่อาจมีส่วนช่วยส่งผลกับตัวอ่อน อีกทั้งยังอาจมีส่วนช่วยในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
3.Antioxidant
Blood orange extract (Red Orange Complex®) สกัดจากส้มสีแดง 3 สายพันธุ์จากประเทศอิตาลี (Moro, Tarocco และ Sanguinello) อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อร่างกายได้แก่ แอนโธไซยานิน, ฟลาโวนอยด์, ไฮดรอกซินนามิก, แอสคอร์บิกแอซิด
Emblic Extract: สารสกัดจากมะขามป้อม อุดมไปด้วยควอซิทิน, สารประกอบกรดฟิลเลมลิก, กรดแกลลิก, แทนนิน, ฟลาโวนอยด์, เพคติน และวิตามินซี มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีความสามารถในการต้านการอักเสบ
Camu Camu Extract: สารสกัดจากผลคามูคามู เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงกว่าส้มถึง 60 เท่า และยังเป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง อาจมีส่วนช่วยเสริมภูมิต้านทานและอาจมีส่วนช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับเม็ดเลือดขาวเพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอมในกระแสเลือด
Blackcurrant Extract: สารสกัดจากแบล็คเคอร์แรนท์ เป็นแหล่งของ Anthocyanins และวิตามิน C ที่มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบ อาจมีส่วนช่วยป้องกันการทำลายของเซลล์จากอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังอาจมีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดหลังจากการรับประทานอาหาร
Calcium Ascorbate Dihydrate (Vitamin C): มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบ ซึ่งสามารถเพิ่มระดับสารต้านอนุมูลอิสระในเลือด อาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการปกป้องและต้านอักเสบสามารถทำงานร่วมกับวิตามิน E เพื่อบรรเทา ROS
4.Immunity
Yeast Beta-Glucan: เป็นสารประกอบในกลุ่มโพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharide) ซึ่งเกิดจากการเพาะเลี้ยงยีสต์ (Saccharomyces cerevisiae) ที่ใช้ทำขนมปังโดยเฉพาะซึ่งยีสต์ชนิดนี้จะสร้างใยอาหาร เบต้า-กลูแคนบริสุทธิ์ซึ่งเป็นสารที่มาจากธรรมชาติ 100% มีสรรพคุณดีที่สุดและมีความปลอดภัยสูงที่สุด
5.Fiber
Peach Fiber: เป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง โพแทสเซียม วิตามิน สารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สวยใส เป็นผลไม้สดความอ้วน ช่วยเพิ่มปริมาณไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำและไม่ละลายน้ำให้แก่ร่างกาย และมีคุณสมบัติเป็น Anti-Glycation ที่ช่วยไม่ให้ผิวคล้ำ แห้งกร้าน และเหี่ยวย่น
6.Folic
Folic Acid: ช่วยเสริมสร้างกระบวนการผลิตเซลล์ใหม่ให้มีสุขภาพดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่ตั้งครรภ์ Folic Acid อาจมีส่วนช่วยป้องกันการแท้งบุตร ความพิการแต่กำเนิดเกี่ยวกับสมองและกระดูกสันหลังของทารก และอาจมีส่วนช่วยป้องกันการกลายพันธุ์ของ DNA ซึ่งจะนำไปสู่การเป็นมะเร็งได้
Ferty Probiotics เหมาะกับใคร?
เหมาะสำหรับคนที่เตรียมตัวตั้งครรภ์: เพราะอาจมีส่วนช่วยส่งเสริมภาวะเจริญพันธุ์ อาจมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์ไข่ ปรับสมดุลภายในช่องคลอด กระตุ้นภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ เพิ่มระดับจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ดีต่อร่างกาย ลดการอักเสบที่เป็นสาเหตุของโรคทางสูติศาสตร์ เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ภาวะถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS) ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ ซีสต์รังไข่ หรือเนื้องอกในโพรงมดลูก รังไข่เสื่อม วัยทองก่อนวัย และเซลล์ไข่ด้อยคุณภาพ ลดการติดเชื้อที่นำไปสู่ภาวะทางสูติเวช เช่น ภาวะถุงน้ำคร่ำอักเสบ การคลอดก่อนกำหนด การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน การติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะ และการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาจมีส่วนช่วยให้การขับถ่ายสะดวกขึ้น เพราะการนั่งขับถ่ายเป็นเวลานานจะส่งผลให้การฝังตัวของตัวอ่อนไม่สำเร็จ เพิ่มอัตราความสำเร็จของการท้องธรรมชาติและการใส่ตัวอ่อน (ICSI)
เหมาะสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์: เพราะอาจมีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและลดความเสี่ยงในการเกิดเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ลดการติดเชื้อขณะตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ ป้องกันไม่ให้ทารกพิการหรือแท้ง และสำหรับคุณแม่ที่ได้รับโพรไบโอติกส์เป็นประจักษ์ขณะตั้งครรภ์ อาจมีส่วนช่วยให้ทารกที่คลอดออกมาได้รับจุลินทรีย์ที่ดีผ่านทางช่องคลอด อาจมีส่วนช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กับทารกตามเกณฑ์
เหมาะสำหรับคุณแม่หลังคลอด: เพราะอาจมีส่วนช่วยลดภาวะซึมเศร้าหลังคลอด และอาจมีส่วนช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ชนิดดีให้กับทารกผ่านทางน้ำนมแม่ ซึ่งอาจมีส่วนช่วยให้ทารกลดอาการแพ้ ผื่นแดง
เหมาะกับคนทั่วไป: ที่ต้องการปรับสมดุลของระบบทางเดินอาหาร ลดอาการท้องผูก ลดแก๊สแอมโมเนีย (แก๊สไข่เน่า) ที่เกิดจากการหมักของกากอาหารที่บูดเน่าค้างนานในลำไส้ ต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความเสื่อมของร่างกาย ปรับการทำงานที่ผิดปกติของเซลล์ และป้องกันการเกิดโรคร้ายแรงได้ เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดและหัวใจ ลดการสะสมของไขมัน ลดคอเลสเตอรอล และยังอาจมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมสารอาหาร เพิ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ให้แข็งแรง อาจมีส่วนช่วยปรับปรุงสภาพผิวหน้าและผิวกายให้มีความชุ่มชื้น ลดเรือนริ้วรอย ลดจุดด่างดำ ลดการอักเสบ ลดผิวหมองคล้ำ ลดความแห้งกร้าน ลดรอยเหี่ยวย่น และชะลอความเสื่อมโทรมของผิวจากแสงแดด
ทำไมต้องทาน Ferty Probiotics
Ferty Probiotics เป็นโพรไบโอติกส์ที่พัฒนามาเพื่อผู้มีบุตรยากโดยเฉพาะ รวมถึงคนเตรียมตั้งครรภ์ ตั้งครรภ์ และให้นมบุตร สามารถทานได้อย่างปลอดภัย โดยการเลือกใช้โพรไบโอติกส์ 9 สายพันธุ์ ที่มีผลวิจัยรับรองว่าเป็นโพรไบโอติกส์ที่ส่งเสริมภาวะเจริญพันธุ์โดยเฉพาะ
เพราะภูมิคุ้มกันที่ดีมาจากลำไส้ถึง 70% Ferty Probiotics จึงเน้นการส่งเสริมการทำงานของลำไส้โดยเพิ่มอัตราการดูดซึมสารอาหารที่ดียิ่งขึ้น และเพิ่มจุลินทรีย์ดีที่อาจมีส่วนช่วยส่งเสริมให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ดี
Ferty Probiotics เลือกใช้พรีไบโอติกส์ที่ไม่มีผลต่อการบีบรัดมดลูก เหมือนพรีไบโอติกส์ชนิดอื่นๆ จาก Larch arabinogalactan extract หรือสารสกัดจากลูกสน ที่อาจมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของโพรไบโอติกส์ และยังทำให้ไม่เสี่ยงต่อการแท้ง หรือมีผลขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อน
Ferty Probiotics อาจมีส่วนช่วยให้ทารกมีสุขภาพแข็งแรง เพราะทารกจะได้รับจุลินทรีย์ดีผ่านทางช่องคลอดของแม่ในระหว่างที่คลอดและจากน้ำนมของแม่หากคุณคลอดโดยวิธีการผ่าคลอด ทารกที่เกิดมาจะไม่ได้รับจุลินทรีย์ดีผ่านทางช่องคลอด แต่จะได้รับผ่านทางนมแม่เพียงอย่างเดียว คุณแม่จึงจำเป็นที่จะต้องทานโพรไบโอติกส์ เพื่อให้ทารกได้รับจุลินทรีย์ดีเพียงพอผ่านทางน้ำนม
วิธีรับประทาน
ฉีกซอง เทลงปาก เคี้ยว และดื่มน้ำตาม 1-2 แก้ว สามารถรับประทานได้ทุกช่วงเวลา แต่ดีที่สุดให้รับประทานก่อนนอน เพื่อจะได้จัดระบบลำไส้ให้ขับถ่ายในช่วงเช้า ควรหลีกเลี่ยงการทานหลังมื้ออาหารเนื่องจากหลังอาหารจะมีน้ำย่อยออกมามากที่สุด และอาจมีส่วนช่วยให้ทำลายจุลินทรีย์บางส่วน
ข้อควรระวัง
ผู้ที่มีการปลูกถ่ายอวัยวะไม่ควรรับประทาน
ผู้ทานยาในกลุ่ม Beta Blockers จะส่งผลให้โพแทสเซียมในร่างกายสูงเกินไปหากรับประทานเป็นเวลานาน
ผู้ป่วยโรคไต เพราะอาจมีส่วนช่วยให้ส่งผลให้การทำงานของตับในผู้ป่วยโรคไตแย่ลง และหากได้รับมากเกินไปจะทำให้เกิดการตกตะกอนที่ไตจนเกิดเป็นนิ่ว
ขนาดบรรจุ 1 กล่อง มี 15 ซอง ปริมาณ 3 กรัม
ราคากล่องละ 1,990 บาท
เลขที่ อย. 74-1-07455-5-1065
วิดีโอแนะนำผลิตภัณฑ์
ส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์






มาตรฐานการผลิต
รีวิวผลิตภัณฑ์
รีวิวท้องแล้ว
รีวิวดารา
ข้อมูลผลิตภัณฑ์
บทความและงานวิจัย
วิดีโอเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์
โปรโมชั่นพิเศษ
