รู้ไหม? ไม่มีมูกตกไข่สัญญาณท้องยาก!
มูกตกไข่ คืออะไร? แม่ๆรู้จักกันรึปล่าวคะ ผู้หญิงเรานั้นในแต่ละช่วงของรอบเดือนจะมีของเหลวออกมาทางช่องคลอดเป็นเมือก หรือมูกใสๆ หรือ บางคนเรียกว่าตกขาว ทั้งหมดทั้งมวลนี้มันคือ vaginal discharge ของเหลวที่ออกมาตามแต่ละช่วงของรอบเดือนเป็นปกติตามธรรมชาติ...ซึ่งสี ความข้นเหนียว หรือ กลิ่นของมันก็จะแตกต่างกันไป
เช่น ช่วงที่มีประจำเดือน ก็จะมีเลือดประจำเดือนสีแดง
หรือถ้ามีความผิดปกติ ติดเชื้อราหรือแบคทีเรียก็อาจเป็นตกขาว ขุ่นข้น มีกลิ่นผิดปกติ หรือมีสีเหลือง เขียว อาจมีอาการคันร่วมด้วย
ส่วนเจ้า "มูกตกไข่" Fertile Cervical Mucus (Fertile CM) นั้นเป็นมูกที่มีลักษณะลื่นและใส ยืดได้คล้ายไข่ขาว จะถูกหลั่งออกมาช่วงก่อนที่จะมีการตกไข่ของรอบเดือนแต่ละรอบ
หากแม่ๆ มีรอบเดือนปกติ 28 วัน วันไข่ตกคือวันที่ 14 ของรอบเดือน ประมาณหนึ่งสัปดาห์ก่อนไข่ตก ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเอสโตรเจนมากขึ้น ส่งผลให้มูกช่องคลอดลื่นและใส หรือ มีมูกไข่ตก ออกมามากขึ้น เป็นกลไกของร่างกายในการสืบพันธุ์เพื่อทำให้อสุจิผ่านเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ง่ายขึ้นนั่นเองค่ะ
อย่างไรก็ดี ผู้หญิงแต่ละคนมีปริมาณ ช่วงเวลามีมูกตกไข่ และ ลักษณะของมูกในช่องคลอดในช่วงไข่ตกแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับจำนวนรอบเดือน สุขภาพ หรือการใช้ยาบางชนิด
มูกตกไข่สัมพันธ์กับการตั้งครรภ์อย่างไร?
แน่นอนว่าการมีมูกตกไข่แสดงให้เห็นว่าแม่ๆกำลังจะมีไข่ตกลงมาในรอบเดือนนั้น เป็นสัญญาณในเบื้องต้นให้เรารู้ว่ารังไข่ยังมีการทำงานปกติ ฮอร์โมนยังสมดุล ยังมีการผลิตไข่และโตพร้อมตก หากไข่ตกลงมาแล้วได้รับการปฏิสนธิก็มีโอกาสตั้งครรภ์
ดังนั้นผู้หญิงที่ช่องคลอดแห้ง ไม่มีมูกตกไข่เลย อาจเป็นสัญญาณของภาวะรังไข่เสื่อม ฮอร์โมนไม่สมดุล ซึ่งเป็นสาเหตุของการตั้งครรภ์ได้ยากขึ้นค่ะ
.
รู้ไหมค่าความเป็นกรด-ด่างของมูกตกไข่ช่วยเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์?
ค่าความเป็นกรด-ด่างในช่องคลอดและในปากมดลูกของฝ่ายหญิงมีความสำคัญมาก
โดยปกติร่างกายจะควบคุมค่า pH ของช่องคลอดให้อยู่ในสภาวะที่เป็นกรดอ่อนๆ (ค่า pH อยู่ที่ 3.8-4.5) เพื่อเป็นการสร้างเกราะป้องกันแบคทีเรีย (BV) และ ยีสต์ (Candida) ไม่ให้เจริญเติบโตในช่องคลอด แต่ผลเสีย คือ#สภาวะเป็นกรดนี้เองที่จะทำลายสเปิร์มด้วย เพราะสเปิร์มจะมีชีวิตรอดอยู่ได้ในสภาวะที่เป็นด่างค่ะ
อย่างไรก็ตามเมื่อถึงช่วงเวลาตกไข่ของแต่ละรอบเดือนร่างกายก็จะปรับตามธรรมชาติ ซึ่งช่วงตกไข่จะมีการหลั่ง Luteinizing Hormon (LH) ออกมาส่งผลให้มีการสร้างมูกไข่ตกที่จะช่วยปรับค่า pH ของช่องคลอดให้มีความเป็นด่างประมาณ pH 7 เพื่อให้สเปิร์มได้ผ่านด่านว่ายเข้ามาได้ง่ายขึ้นและทำให้
สเปิร์มมีชีวิตอยู่ในร่างกายของผู้หญิงได้ถึง 2-5 วัน มีโอกาสว่ายไปถึงท่อนำไข่และปฏิสนธิต่อไป
ดังนั้น การรักษาความสมดุลของกรด-ด่างในร่างกายจึงสำคัญมากต่อแม่ๆ ที่อยากท้อง ซึ่งการรับประทานอาหารที่มีฤทธิ์เป็นด่างหรืออัลคาไลน์จะช่วยปรับสมดุลความเป็นด่างในร่างกายให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสม #ทำให้มีมูกตกไข่ ส่งผลให้มีโอกาสตั้งครรภ์ง่ายขึ้น หากช่องคลอดมีสภาพเป็นกรด สเปิร์มก็จะตายเรียบ!
สภาวะร่างกายที่เป็นกรด หรือ ด่างนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาการนอนหลับที่มีคุณภาพ อาหารที่เรารับประทาน ความเครียด การออกกำลังกาย
โดยเฉพาะอาหารเป็นตัวแปรหนึ่งที่สำคัญที่มีส่วนทำให้ร่างกายมีสภาวะเป็นกรด หรือ ด่าง โดยจะต้องดูจากกระบวนการทางเคมีในร่างกายว่าจะเปลี่ยนอาหารที่กินเข้าไป ให้กลายเป็นกรดหรือด่างในขั้นตอนสุดท้าย เป็นตัวกำหนดคุณสมบัติของอาหารแต่ละชนิด เช่น
📚ในกรณีการศึกษาพบว่า กรดซิตริค ที่พบในผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะกรูด มะนาว เป็นกรดผลไม้ที่จะถูกเปลี่ยนต่อไปเป็นไบคาร์บอเนต และ #เพิ่มสภาวะความเป็นด่างให้กับร่างกาย
ส่วนอาหารที่เพิ่มสภาวะเป็นกรดให้กับร่างกาย ได้แก่ น้ำตาล ไขมันทรานส์ เนื้อแดง ผลิตภัณฑ์จากนม เกลือ คาเฟอีน แอลกอฮอล์ค่ะ
มูกตกไข่จึงมีความสำคัญเพราะมันเป็นสัญญาณว่าแม่ๆ อาจมีไข่ตกในทุกเดือน อย่างไรก็ตามแม่ๆ ต้องรักษาสมดุลของฮอร์โมน รักษาความเป็นกรด-ด่างของร่างกายให้เหมาะสมด้วยเพื่อให้มูกตกไข่อยู่ในสภาวะที่เป็นด่าง เหมาะสมต่อความอยู่รอดของสเปิร์ม เป็นการเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ค่ะ
Comments