ปัญหาผิวแห้งง่าย แตกเป็นขุย ผิวแพ้แดด ถือเป็นเรื่องน่ารำคาญใจสำหรับใครหลายคน เนื่องจากปัญหาดังกล่าวส่งผลต่อความมั่นใจเมื่อต้องออกไปนอกบ้าน นอกจากนี้หากปล่อยไว้เป็นเวลานาน อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวในระยะยาวด้วยนะคะ และวันนี้ครูก้อยได้รวบรวมสาเหตุและสัญญาณเตือนของผิวเสื่อมเพื่อให้คุณทำความรู้จักและหาวิธีป้องกันผิวได้อย่างเหมาะสมกันค่ะ
สาเหตุของผิวเสื่อมสภาพเกิดจาก...
1. ความเครียด
ความเครียดเป็นหนึ่งในศัตรูตัวร้ายของทุกคนนะคะ เพราะนอกจากจะทำให้สุขภาพจิตย่ำแย่ลง ไม่มีสมาธิ ฟุ่งซ้านตลอดทั้งวันแล้ว ยังมีผลต่อร่างกายโดยตรงด้วยนะคะ เพราะความเครียดจะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนรบกวนการทำงานของผิวพรรณจนกลายเป็นโรคผิวเครียด (Psychodermatology) ทำให้เกิดการอักเสบของลำไส้ ระบบย่อยอาหารจึงทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร กระทบไปถึงผิวจนแห้งกร้านมากขึ้น
2. แสงแดด
แสงแดดมีส่วนประกอบสำคัญที่เป็นภัยต่อสุขภาพผิวของเรา นั่นคือรังสี UV หรือรังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet) ที่สามารถทะลุเข้าไปถึงชั้นผิวหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้ มีผลทำให้คอลลาเจนในผิวหนังเสื่อมสภาพ หากร่างกายได้รับรังสี UV เป็นเวลานานจะไปทำลายความยืดหยุ่นของเซลล์จนเกิดริ้วรอยตามผิวหนัง สีผิวคล้ำขึ้น ผิวแห้งกร้าน แสบร้อน ไหม้เกรียม
3. การทำความสะอาดที่ไม่เพียงพอ
ต้องเข้าใจก่อนว่าร่างกายจะมีกระบวนการขับน้ำมันออกมาสำหรับป้องกันผิวจากฝุ่นละอองหรือสิ่งสกปรกอื่นในอากาศ แต่กระบวนการดังกล่าวก็มีผลทำให้เกิดการผลัตเซลล์ผิวตามธรรมชาติ เซลล์ผิวที่ตายแล้วจึงหมักหมมและขยายตัวกลายเป็นสิว หากไม่ได้ทำความสะอาดไม่เพียงพอ ถูผิวแรงเกินไป หรือใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดไม่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวจนกลายเป็นปัญหาผิวตามมาได้ในระยะยาว
4. สูบบุหรี่
รู้หรือไม่ว่าบุหรี่มีส่วนผสมที่เป็นสารพิษต่อร่างกาย ออกฤทธิ์เป็นอนุมูลอิสระเข้าไปทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินของผิว ซึ่งมีผลต่อความยืดหยุ่นของผิว ทำให้ผิวขาดความแข็งแรง โดยเฉพาะนิโคตินที่ออกฤทธิ์ทำให้เส้นเลือดผิวหนังเกิดการตีบตัน เลือดไหลเวียนได้ไม่ดีเท่าที่ควร ผิวหนังจึงแห้งเหี่ยวง่าย
5. ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ทำให้เซลล์เนื้อเยื่อในร่างกายอักเสบและขยายรูขุมขนให้กว้างขึ้น จึงกลายเป็นแหล่งสะสมของสิ่งสกปรกจนเกิดเป็นสิวหัวดำตามมา และที่สำคัญแอลกอฮอล์ยังออกฤทธิ์ยับยั้งฮอร์โมนวาโซเพรสซิน (Vasopressin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่กักเก็บน้ำในร่างกาย หากร่างกายได้รับแอลกอฮอล์มากเกินไป ส่งผลให้ร่างกายขับแอลกอฮอล์ออกผ่านทางปัสสาวะ ทำให้ต้องปัสสาวะบ่อยและนำไปสู่ภาวะขาดน้ำ หากใครเป็นสายดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ อาจเสี่ยงต่อปัญหาหิวน้ำขาดความชุ่มชื้นจากการขาดน้ำนั่นเองค่ะ
สัญญาณเตือนของผิวเสื่อมสภาพที่คุณไม่ควรละเลย
1. ผิวแห้งกร้าน
ส่วนใหญ่เกิดจากสภาพอากาศบ้านเราที่ร้อนอบอ้าวและกรรมพันธุ์ของชาวเอเชียที่ไวต่อแสงแดด จึงทำให้น้ำในผิวหนังชั้นหนังกำพร้ามีปริมาณน้อยลง มองเห็นร่องของผิวชัดเจน บางรายอาจมีผิวแดง ลอกเป็นขุย ผิวแตกลาย หรืออาจมีอาการแสบคันร่วมด้วย หากเกาผิวแห้งเป็นประจำอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อบริเวณผิวหนังได้ด้วยค่ะ
2. ผิวหน้าหย่อนคล้อย
เมื่อผิวอ่อนแอลง ส่งผลให้ผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับเหมือนเดิม ผิวดูแก่กว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกัน นอกจากนี้ยังตามมาด้วยริ้วรอยตีนกาและร่องลึก แก้มดูเอิ่มอิ่มน้อยลง กรอบหน้าเปลี่ยน ไม่เข้ารูป โดยปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย มีริ้วรอย สามารถพบได้ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป โดยจุดที่เห็นเด่นที่สุดจะเป็นหางตา (ตีนกา), ใบหน้าและหน้าผาก และยิ่งถ้าคุณแสดงสีหน้าบ่อยเ่ทาไไหร่ก็ยิ่งกระตุ้นให้ผิวหน้าเกิดรอยเหี่ยวย่นง่ายขึ้น
3. รูขุมขนกว้าง
ปัญหานี้ถือเป็นปัญหาสำหรับใครหลายคนที่ต้องออกพบผู้คนเป็นประจำหรือผุ้ที่ต้องทำงานออกกล้องเป็นประจำ เพราะนอกจากจะลดความมั่นใจบนใบหน้าแล้ว ยังยากต่อการแต่งหน้าเนื่องจากมีรูขุมขนเยอะ ต้องโปะรองพื้นหนากว่าผู้ที่มีใบหน้าปกติ
4. มีจุดด่างดำ
เมื่อผิวขาดคอลลาเจนเป็นเวลานาน ส่งผลให้เมลานิน (Melanin) ที่อยู่ในชั้นผิวป้องกันผิวหนังซึมซับรังสี UV ได้ไม่ดีเท่าที่ควร ยิ่งถ้าเป็นคนเอเชียอย่างเรา ๆ ด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งมีปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอหรือมีจุดด่างดำได้ง่ายกว่าคนยุโรป สำหรับปัญหาจุดด่างดำที่พบส่วนใหญ่จะเป็นฝ้ากระ ผิวคล้ำง่ายเฉพาะจุดที่โดนแดดบ่อย
แก้ปัญหาผิวเสื่อมสภาพได้ด้วยวิธีไหนบ้าง
1.หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่อุณหภูมิสูง
หากผิวหนังได้รับความร้อนอุณหภูมิสูงประมาณ 37-42 องศาเซลเซียสเกิน 15 นาที จะทำให้ร่างกายได้รับความร้อนมากเกินไป ส่งผลให้ผิวแห้งง่าย ตามมาด้วยผิวเหี่ยวย่น มีผื่นขึ้น ทางที่ดีหากจำเป็นต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูง แนะนำให้สวมเสื้อผ้ามิดชิดแต่โปร่งสบายเพื่อป้องกันร่างกายสะสมความร้อนจนอาจหน้าวูบหรือหมดสติ กางร่มตลอดเวลา และที่สำคัญก่อนออกจากบ้านควรทาครีมกันแดดอย่างน้อย 30 นาที และอย่าลืมทาซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง
2. เลือกรับประทานอาหารบำรุงผิว โดยเฉพาะวิตามิน C
หากต้องการบำรุงผิว ครูก้อยแนะนำให้เน้นการรับประทานอาหารที่มีวิตามิน C ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ซึ่งจะช่วยลดการผลิตเม็ดสีเมลานินในชั้นผิว ผิวที่ดูแห้งกร้าน ไม่ชุ่มชื้นจึงกลับมากระจ่างใสอีกครั้ง ริ้วรอยดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้แนะนำให้ทานอาหารที่มีโปรตีนจากไข่ เนื้อสัตว์ และธัญพืชต่าง ๆ ในปริมาณ 1-1.2 กรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
3. ทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำ
ครีมบำรุงผิวที่ดีจะต้องมีส่วนผสมของน้ำและซิลิโคนชนิดเบา เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวเหนียวเหนอะหนะ แต่หากผิวแพ้ง่าย แนะนำให้ทาครีมที่มีส่วนผสมหลักจากธรรมชาติแทนค่ะ และที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ SLS ที่อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวได้ง่ายด้วย
4. พักผ่อนอย่างเพียงพอ
การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอตามที่ช่วงวัยต้องการในแต่ละวัน จะช่วยให้เซลล์ผิวใหม่ในชั้นเบเซิล (Basal layer) ผลัดจากเซลล์ผิวเก่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้หากใครยังมีปัญหานอนหลับยาก ครูก้อยขอแนะนำให้งดการใช้เครื่องมืออิเล็กทรกนิกส์ที่มีแสงสีฟ้า (Blue light) ที่มีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของสมอง ส่งผลให้สมองไม่ได้รับการพักผ่อนและทำให้นอนหลับยากขึ้น, จัดพื้นที่ในห้องให้เหมาะสมกับการนอน ไม่มีแสงหรือเสียงดังเข้ามาในห้อง, หากิจกรรมผ่อนคลายทำก่อนนอน เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง นั่งสมาธิ ฯลฯ แต่หากยังนอนไม่หลับจริง ๆ ครูก้อยแนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางแก้ปัญหานอนไม่หลับโดยเร็วที่สุดค่ะ
แต่สำหรับครูก้อยเลือกทาน Night Shot By KruKoy ไนท์ ชอท บาย ครูก้อย วันละ 1 ซอง 30 นาทีก่อนนอน หรือทานในช่วงที่ต้องการการพักผ่อนอย่างมีคุณภาพ ทั้งนี้สามารถทานได้ต่อเนื่อง ไม่มีผลทางสมอง เนื่องจากเป็นวิตามินหรือกรดอะมิโนที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและไม่มีผลข้างเคียงในระยะยาวอีกด้วยค่ะ
Comments