หากพูดถึงไขมันแล้ว หลายคนอาจคิดว่าไขมันจะต้องไม่ดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน แต่ในความเป็นจริงแล้วไขมันมีทั้งดีและไม่ดี หากร่างกายมีไขมันดีมากกว่าไขมันเลวก็จะทำให้สุขภาพโดยรวมแข็งแรงมากยิ่งขึ้นค่ะ ว่าแต่ไขมันดี ไขมันเลว แตกต่างกันอย่างไร เลือกทานอย่างไรให้ดีต่อร่างกาย มาดูกันเลยค่ะ
ไขมันดีคืออะไร
ไขมันดี หรือ High Density Lipoprotein (HDL) เป็นไขมันคอเลสเตอรอลชนิดหนึ่งที่คอยดักจับและรวบรวมไขมันไม่ดี (Low-Density Lipoprotein หรือ LDL) ที่สะสมอยู่ตามเลือดจำนวนหลายร้อยโมเลกุล แล้วจึงขนส่งไปให้ตับกำจัดออกจากร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงก่อโรคร้ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหัวใจและหลอดเลือด ช่วยลดคอเลสเตอรอลภายในร่างกายอีกด้วย ส่งผลให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง อีกทั้งป้องกันปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อมีอายุมากขึ้นอีกด้วยค่ะ สำหรับไขมันดีในร่างกายของผู้ชายไม่ควรต่ำกว่า 40 มิลลิกรัม/เดซิลิตร และผู้หญิงควรมีไม่ต่ำกว่า 50 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
ไขมันเลวคืออะไร
ไขมันเลว หรือ Low Density Lipoprotein (HDL) เป็นไขมันคอเลสเตอรอลชนิดหนึ่งที่นำพาไขมันคอเลสเตอรอลไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อให้ร่างกายนำไปใช้งาน แต่หากร่างกายได้รับไขมันเลวนี้มากเกินไป จะส่งผลให้เกิดการสะสมของ LDL ตามผนังหลอดเลือด เมื่อไขมันเกาะอยู่ตามเส้นเลือดมากเกินไปก็จะทำให้การไหลเวียนเลือดช้าลงและไขมันอุดตันในเส้นเลือด ส่งผลให้หลอดเลือดแดงตีบแข็งและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจในอนาคต
ไขมันดี ไขมันเลว แตกต่างกันอย่างไร
สำหรับความแตกต่างของไขมันสองชนิดนี้จะอยู่ที่คุณประโยชน์ที่มอบให้ร่างกาย สำหรับไขมันดีหากมีเยอะกว่าไขมันเลวก็จะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง แต่หากร่างกายมีไขมันเลวมากเกินไปก็จะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ตามมาง่ายกว่าคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, ภาวะเครียดที่กระตุ้นให้ฮอร์โมน LH (Luteinizing Hormone) และฮอร์โมน FSH (Follicle Stimulating Hormone) เข้าไปรบกวนการทำงานของฮอร์โมนในระบบสืบพันธุ์ ส่งผลให้โอกาสตั้งครรภ์น้อยลง อีกทั้งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome) ซึ่งนำมาสู่มะเร็งเต้านมและมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้อีกด้วยค่ะ
วิธีลดไขมันเลวในร่างกาย
1. ลดปริมาณอาหารไขมันเลว
ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ หนัง และส่วนที่ติดมัน น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม เนื้อสัตว์แปรรูป เบเกอรี่ ฟาสต์ฟู๊ด รวมถึงไขมันทรานส์ซึ่งเป็นส่วนผสมของขนมอบอีกด้วย นอกจากนี้งดอาหารเหล่านี้แล้ว ครูก้อยขอแนะนำให้คุณแม่เลือกทานอาหารที่มีไขมันดีในปริมาณที่พอดีอย่างสม่ำเสมอ น้ำมัน 9 ประเภท ได้แก่ น้ำมันดอกทานตะวัน (Sunflower oil), น้ำมันกระเทียม (Garlic oil), น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed oil), น้ำมันฟักข้าว (Gac oil), น้ำมันอะโวคาโด (Avocado oil), น้ำมันงาขี้ม้อน (Perilla oil), น้ำมันมะกอก (Olive Oil), น้ำมันสาหร่าย (Algae Oil) และน้ำมันงา (Sesame oil) ซึ่งจะช่วยลดอัตราส่วนของไขมันไม่ดีลง ส่งผลให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง พร้อมต่อการตั้งครรภ์มากยิ่งขึ้นค่ะ
2. งดพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเพิ่มไขมันเลว
เช่น สูบบุหรี่, ดื่มแอลกอฮอล์, ละเลยการออกกำลังกาย หรือแม้แต่รับประทานอาหารมากเกินไปจนอ้วนลงพุงก็ตาม อาจเพิ่มปริมาณไขมันไม่ดีอีกด้วย ทั้งนี้หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน ครูก้อยขอแนะนำให้ลดน้ำหนักประมาณ 5-10% ของน้ำหนักเริ่มต้น เพื่อให้น้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ทั้งนี้จะต้องออกกำลังกายให้เหมาะกับช่วงวัย ไม่ควรอดอาหารเพียงอย่างเดียว รวมถึงเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ควบคู่กันไปด้วยนะคะ หากมีโรคประจำตัว แนะนำให้ปรึกษาคุณหมอจะดีที่สุดค่ะ
นอกจากเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันดีคนท้องแล้ว อย่าลืมออกกำลังกายเป็นประจำและพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะคะ เพราะการดูแลสุขภาพตัวเองอย่างดี นอกจากจะช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์แล้ว ยังช่วยให้คุณแม่มีสุขภาพดีในระยะยาวอีกด้วยค่ะ
Comments