IUI หรือ ICSI แบบไหนที่เหมาะกับคุณ?
คู่สมรสที่เริ่มเข้าสู่ภาวะมีบุตรยากอาจกำลังศึกษาข้อมูลการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เข้ามาช่วยซึ่งอาจจะเคยได้ยินการฉีดเชื้อเข้าโพรงมดลูก (IUI) หรือ การทำเด็กหลอดแก้ว (ICSI) มาบ้างแล้ว แต่ยังมีความสงสัยอยู่ว่า..แล้วคู่ของเราต้องใช้วิธีการไหนกันนะ?
คำแนะนำที่ดีที่สุดคือต้องไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจร่างกายและวินิจฉัยเพื่อใช้วิธีการรักษาให้เหมาะกับปัญหาของเรามากที่สุดค่ะ วันนี้ครูก้อยนำข้อมูลสองเรื่องนี้มาฝาก เราไปศึกษาพร้อมกันเพื่อจะได้ประเมินตนเองในเบื้องต้นค่ะ
🔴 IUI การฉีดเชื้อผสมเทียม หรือ IUI (Intra – uterine insemination) #เป็นการปฏิสนธิในร่างกายที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติ
วิธีการโดยทั่วไปคือจะมีการกระตุ้นการตกไข่ในผู้หญิง เมื่อขนาดของถุงไข่เจริญเต็มที่ก็ฉีดยากระตุ้นให้ไข่สุกและเกิดการตกไข่
จากนั้นแพทย์จะฉีดน้ำเชื้ออสุจิที่เตรียมจากห้องปฏิบัติการเรียบร้อยแล้วเข้าไปสู่โพรงมดลูกแล้วให้อสุจิกับ
ไข่ปฏิสนธิกันเอง
IUI ปฏิสนธิในร่างกาย ให้ไข่กับอสุจิผสมกันเอง
ซึ่งเป็นวิธีใกล้เคียงธรรมชาติ
💑คู่สมรสที่ควรรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยวิธีการฉีดเชื้อผสมเทียม
1. คู่สามีภรรยาที่ไม่ทราบสาเหตุของภาวะมีบุตรยาก
2. เพศหญิงอายุไม่เกิน 35 ปี
3. ฝ่ายหญิงมีท่อนำไข่ปกติอย่างน้อยหนึ่งข้าง เพื่อให้อสุจิว่ายไปพบเซลล์ไข่และเกิดปฏิสนธิได้
4. ฝ่ายหญิงมีความผิดปกติ เช่น ปากมดลูกตีบ (Cervical Stenosis)
5. ฝ่ายหญิงมีภาวะไข่ตกผิดปกติ
6. ฝ่ายหญิงไม่มีความผิดปกติของมดลูกมากเกินไป
7. ฝ่ายชายอสุจิผิดปกติเล็กน้อย-ปานกลาง
🤰อัตราการตั้งครรภ์จากการทำ IUI
คู่สามีภรรยามีโอกาสตั้งครรภ์จากการผสมเทียมประมาณ 10-20% ต่อหนึ่งรอบการรักษา
หากรักษาด้วยวิธีการฉีดเชื้อ 4 รอบ แล้วยังไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อาจต้องพิจารณาให้การรักษาด้วยวิธี
เทคนิคช่วยการเจริญพันธุ์อื่นๆ ต่อไป
.
🟠ส่วน ICSI อิ๊กซี่ หรือ Intracytoplasmic Sperm Injection #เป็นการปฏิสนธินอกร่างกายที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อการเจริญพันธ์มาช่วย จะมีการกระตุ้นไข่และเก็บออกมาจำนวนหลายฟอง จากนั้นการนำไข่และเชื้ออสุจิมาปฏิสนธิภายนอกร่างกาย จะมีการเอานำอสุจิและไข่ที่คัดเลือกแล้วว่าที่ดีที่สุดมาผสมกัน โดยการใส่อสุจิเข้าไปในเนื้อไข่โดยตรง หลังจากนั้นจะนำไข่ที่ผสมแล้วตัวอ่อนไปเพาะเลี้ยงให้เป็นตัวอ่อน เมื่อเติบโตดีจึงนำตัวอ่อนฉีดกลับเข้าสู่โพรงมดลูกเพื่อให้ตัวอ่อนฝังตัวที่มดลูกและเจริญเติบโตเป็นทารก
💑คู่สมรสที่ควรรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยวิธีการทำ ICSI
1. ฝ่ายหญิงมีอายุค่อนข้างมาก (มากกว่า 35 ปี)
2. ฝ่ายหญิงมีภาวะท่อนำไข่ตีบตันทั้งสองข้าง
3. ฝ่ายหญิงมีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ค่อนข้างรุนแรง
4. ฝ่ายหญิงมีการทำงานของฮอร์โมนรังไข่ผิดปกติ เช่น ภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง หรือโรคถุงน้ำรังไข่ (PCOS)
5. ฝ่ายชายมีอสุจิผิดปกติรุนแรง ทั้งทางด้านรูปร่าง ความสามารถในการเคลื่อนที่ รวมถึงจำนวนของอสุจิด้วย
6. ฝ่ายชายที่เป็นหมันหรือทำหมัน แต่ยังคงมีการสร้างอสุจิและสามารถนำอสุจิออกมาได้จาก วิธีการผ่าตัด เช่น การทำ PESA, TESA, TESE เป็นต้น
7. คู่สามีภรรยาที่เคยไม่ประสบความสำเร็จในการทำ IUI
8. คู่สามีภรรยาที่ต้องการตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรมด้วยของตัวอ่อน
🤰อัตราการตั้งครรภ์
การทำเด็กหลอดแก้ว มีอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์สะสมสูง 50 % ต่อรอบการรักษา ซึ่งมากกว่าวิธีพยายามโดยธรรมชาติหรือการฉีดเชื้อ และหากมีการคัดโครโมโซมตัวอ่อนก่อนย้ายกลับเข้าสู่โพรงมดลูกโอกาสสำเร็จอาจมีสูงถึง 75-80%
เหมาะสำหรับแก้ไขปัญหาได้ทั้งด้านของไข่ฝ่ายหญิงและเชื้ออสุจิของฝ่ายชาย
.
.
รู้ข้อมูลเบื้องต้นแล้วก็จูงมือกันไปปรึกษาแพทย์นะคะว่าวิธีไหนจะเหมาะกับคู่ของคุณ แต่อย่าลืมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องเตรียมร่างกายบำรุงไข่ บำรุงสเปิร์มให้พร้อมก่อนเข้ากระบวนการ ทานอาหารที่มีโภชนาการสูง เน้นโปรตีน ผัก ผลไม้เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ เราจะได้มีวัตถุดิบคือไข่และสเปิร์มที่ดีไปให้คุณหมอช่วยไงคะ ไม่เสียเงิน ไม่เสียเวลาเปล่า ลุ้นทำรอบเดียวติดเลยค่า ครูก้อยขอให้ทุกคู่ประสบความสำเร็จ มีลูกน้อยในเร็ววันนะคะ
_____________________________________________
📱ชมครูก้อย Live คู่เราเหมาะกับแบบไหน IUI หรือ ICSI
คลิกชมเลยค่ะ →
https://youtu.be/VHJzgnSbodk
📱ชมรายการครูก้อยพบแพทย์ คู่เราควรทำ IUI หรือ ICSI มีคำตอบ
คลิกชมเลยค่ะ →
https://youtu.be/rwsNRSzqe2Q
Comentarios