นอกจากอาการแพ้ที่คุณแม่ตั้งครรภ์หลายคนรับมือลำบากแล้ว ยังมีปัญหาผิวที่ทำเอาคุณแม่หลายคนหนักใจกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นผิวคล้ำ ผิวแตกลาย ผิวหนังหย่อนคล้อย ยังมีปัญหาสิวขึ้นง่ายในช่วงตั้งครรภ์อีกด้วย ว่าแต่สิวคนท้องจะหายได้เองมั้ย มีวิธีดูแลและป้องกันไม่ให้เกิดกับคุณแม่ได้อย่างไร ทำไมต้องเสริมวิตามินซีให้ร่างกาย ช่วยได้ยังไงบ้าง มาอ่านกันเลยค่ะ
สิวคนท้องเป็นยังไง
เป็นสิวที่ขึ้นตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย มีลักษณะคล้ายสิวทั่วไป ได้แก่ สิวอุดตัน, สิวอักเสบ โดยสิวชนิดนี้เกิดจากร่างกายคุณแม่ผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen), ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) และฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) เพิ่มขึ้นกว่าปกติ โดยเฉพาะฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ผลิตไขมัน นอกจากนี้ยังเกิดจ(ากไขมันที่สร้างจากต่อมไขมันผสมกับเซลล์ผิวที่ตายเกิดการอุดตันรูขุมขนจนเกิดสิวอักเสบ ส่งผลให้คุณแม่มีผิวหน้ามันและเกิดสิวอุดตันง่ายขึ้น
สิวชนิดนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นในช่วง 3 เดือนแรกและ 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ฮอร์โมนเพิ่มขึ้นเพื่อเตรียมปากมดลูกให้พร้อมต่อการคลอด ขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะคะ เพราะสิวของบางคนก็หายได้เองก่อนคลอด แต่โดยส่วนใหญ่จะจางหายหลังจากคลอดลูกแล้วค่ะ
สิวคนท้องอาจไม่เกิดจากการตั้งครรภ์
แม้ว่าสิวคนท้องส่วนใหญ่จะเกิดจากการตั้งครรภ์ แต่สิวคนท้องที่เกิดขึ้นในบางคนอาจเกิดจากสิวติดสาร หรือสิวสเตียรอยด์ (Steroid Acne) เป็นสิวการหยุดใช้ครีมบำรุงผิวเนื่องจากกลัวว่าจะเป็นอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์ ทั้งนี้ต้องดูสภาพผิวของคุณแม่ด้วยว่าก่อนท้องมีสิวง่ายมั้ย ใช้ครีมรักษาสิวแบบไหน
สิวคนท้องขึ้นตรงไหน
เนื่องจากเป็นสิวที่เกิดจากฮอร์โมน จึงสามารถขึ้นได้ทั้งใบหน้า, ลำคอ, หน้าอกและหลัง แตกต่างจาก สิวสเตียรอยด์ ซึ่งเป็นสิวที่เกิดจากการหยุดใช้สารบำรุงผิวเมื่อตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นทั่วใบหน้าเพียงอย่างเดียว
ตั้งครรภ์ สิวขึ้น จะได้ลูกชายจริงไหม?
ไม่จริงค่ะ เพราะสิวคนท้องเกิดจากฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ดังนั้นจึงไม่ใช่ตัวกำหนดเพศของลูกน้อยในครรภ์แต่อย่างใด
สิวคนท้องรักษายังไง
1.ยาแต้มสิวคนท้อง
เนื่องจากผิวหนังของคุณแม่ในช่วงตั้งครรภ์จะอ่อนแอแพ้ง่ายกว่าปกติ ดังนั้นจึงต้องเลือกยาแต้มสิวที่อ่อนโยนต่อผิวหนังและปลอดภัยต่อลูกน้อยในครรภ์ด้วย ได้แก่ Topical benzoyl peroxide และ Topical erythromycin สำหรับยาแต้มสิวที่คนท้องห้ามใช้คือ Topical retinoids รวมถึงยาแต้มสิวทั่วไปที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic acid), เรตินอยด์ (Retinoids) และกลุ่มยาปฏิชีวนะ
2. กินยารักษาสิว
สำหรับยาทานที่ปลอดภัยต่อคุณแม่มากที่สุดคือ Oral erythromycin แต่หากเป็นสิวอักเสบรุนแรง แนะนำให้ใช้ Oral steroids หลังจากตั้งครรภ์ 3 เดือนขึ้นไป ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ด้วยนะคะ
3. ดื่มน้ำเป็นประจำ
ครูก้อยแนะนำดื่มน้ำตามปริมาณที่ร่างกายต้องการอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว (ประมาณ 2,000 มิลลิลิตร หรือ 2 ลิตร) หรืออาจคำนวณจากสูตรปริมาณน้ำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน โดยนำน้ำหนัก (กิโลกรัม) คูณด้วย 2.2 คูณด้วย 30 แล้วหารด้วย 2 จะได้ปริมาณน้ำที่ร่างกายต้องการใน 1 วัน
4. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อการระคายเคืองผิว
ได้แก่ การบีบ กด แกะสิว หรือแม้กระทั่งสครับผิวบริเวณสิวซึ่งเสี่ยงต่อการอักเสบ เกิดรอยแผลเป็น และใช้เวลารักษานานขึ้น รวมไปถึงการใช้รองพื้นและคอนซีลเลอร์แต่งหน้าเพื่อป้องกันการเกิดรุขุมขนอุดตัน นอกจากนี้ยังรวมถึงงดอาบน้ำอุ่นและอยู่ในพื้นที่ที่มีแดดจ้าเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้ผิวแห้งและกระตุ้นให้เกิดสิวง่าย
5. พักผ่อนให้เพียงพอ
แม้ว่าการนอนหลับจะเป็นเรื่องยากสำหรับคุณแม่ เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ของร่างกายส่งผลให้คุณแม่ไม่สบายตัวขณะนอนหลับ แต่การพักผ่อนที่เพียงพอจะช่วยฟื้นฟูประสิทธิภาพของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างพัฒนาการให้ลูกน้อยในครรภ์อีกด้วยนะคะ
6. รับประทานอาหารที่มีวิตามิน C
รู้หรือไม่ว่าอาหารช่วยบรรเทาอาการสิวคนท้องได้ด้วยนะคะ ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีวิตามิน C สูงด้วย เพราะวิตามินซีมีส่วนสำคัญในการ กระตุ้นคอลลาเจนให้แก่ผิว ช่วยปรับสภาพผิว กระตุ้นการไหลเวียนของระบบเลือด ลดเลือนจุดด่างดำ รอยแผลเป็นจากสิว ช่วยให้ผิวกระจ่างใสและมีผิวที่แข็งแรงมากขึ้น เมื่อผิวแข็งแรงแล้ว ก็เกิดอาการแพ้น้อยลง ลดการเกิดสิวได้มากขึ้นด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังมีอาหารรักษาสิวที่ครูก้อยแนะนำ ได้แก่ อาหารประเภทธีญพืชไม่ขัดสี มีน้ำตาลน้อย อย่างถั่วเลนทิล ข้าวโอ๊ต ผักใบเขียว ขนมปังธัญพืช อัลมอนด์ และที่สำคัญอย่าลืมเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูงและอาหารที่ผ่านการแปรรูป เช่น น้ำตาลทรายขาว มันฝรั่ง ช็อกโกแลต ฯลฯ
บทความที่น่าสนใจ
แนะนำอาหารปรับสมดุลฮอร์โมนเพศหญิง คุณแม่อยากท้องต้องทาน
Comments