แอสตาแซนธินคืออะไร ทำไมคุณแม่อยากมีน้องต้องทาน

สำหรับคุณแม่เตรียมท้องที่มีปัญหามีลูกยาก พยายามเท่าไหร่ก็ไม่มาสักที วันนี้ครูก้อยจะพามาทำความรู้จักกับสารชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่าแอสตาแซนธิน (Astaxanthin) เพราะสารชนิดนี้ก็มีผลต่อการมีลูกด้วยเช่นกัน ว่าแต่สารชนิดนี้คืออะไร มีประโยชน์ต่อคุณแม่เตรียมท้องมากน้อยแค่ไหน หาทานได้จากไหนบ้าง มาอ่านไปด้วยกันเลยค่ะ

แอสตาแซนธินคืออะไร

เป็นสารประเภทแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ เป็นสารที่ทำให้เกิดสีชมพูหรือสีแดงในพืชและสัตว์ มีคุณสมบัติละลายตัวได้ดีในน้ำมัน และที่สำคัญยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่เหนือกว่าสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่น เนื่องจากมีโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ จึงช่วยปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์ทั่วร่างกายทั้งภายนอกและภายใน 

แอสตาแซนธินมีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบของร่างกาย เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง บำรุงสายตาให้มองเห็นได้ชัดเจน ช่วยป้องกันเซลล์ได้รับความเสียหายและเกิดภาวะเซลล์เสื่อมก่อนวัยอันควร แม้ว่าจะเป็นสารที่หาได้น้อยมากจากอาหารธรรมชาติ แต่ในปัจจุบันสารชนิดนี้ถูกนำมาสกัดและวางจำหน่ายในรูปแบบอาหารเสริมเป็นอย่างมาก จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลตัวเองและไม่ต้องการทานอาหารบางชนิดที่มีแอสตาแซนธิน เช่น ปลาแซลมอน

แอสตาแซนธิน พบได้ในไหนบ้าง

• สาหร่ายสีแดงสายพันธุ์ฮีมาโตคอกคัส พลูวิเอลิส (Haematococcus pluvialis)

• ปลาแซลมอน

• ล็อบสเตอร์

• ไข่ปลาคาเวียร์

ประโยชน์ของแอสตาแซนธิน

• สร้างความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ผิวพรรณเปล่งปลั่ง

• ชะลอความเสื่อมของร่างกาย ป้องกันการเกิดโรคเรื้อรัง

• บำรุงสายตา ลดอาการตาล้า (Asthenopia)

• บำรุงประสาท ป้องกันสมองเสื่อม

• เพิ่มการไหลเวียนของเลือด

• ลดไขมันในเลือด

• ป้องกันอันตรายจาก UV จากแสงแดด

• เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

แอสตาแซนธิน เหมาะกับใครบ้าง

• ผู้ที่ต้องการบำรุงสุขภาพให้แข็งแรง

• ผู้ที่ทำงานใช้สายตา จ้องหน้าจอเป็นเวลานาน

• ผู้ที่มีภาวะความเครียดสะสม

• ผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ

• ผู้ที่ต้องเผชิญมลภาวะเป็นประจำ

• ผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหารอักเสบ

แอสตาแซนธิน ไม่เหมาะกับใครบ้าง

• ผู้ที่แพ้อาหารที่มีสารแอสตาแซนธิน ได้แก่ กุ้ง แซลมอน สาหร่าย

• ผู้ที่แพ้แคโรทีนอยด์ชนิดแคนทาแซนทิน (Canthaxanthin)

• ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางประเภท เช่น ความดันโลหิตผิดปกติ ฮอร์โมนผิดปกติ ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

• คุณแม่ตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร

ทานแอสตาแซนธินทุกวัน ดีไหม

ดีค่ะ เพราะแอสตาแซนธินเป็นสารอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่มีส่วนช่วยลดการอักเสบของร่างกายที่เกิดจากมลภาวะรอบตัวและพฤติกรรมเสี่ยงที่ก่อให้เกิดการอักเสบที่คุณเผลอทำโดยไม่รู้ตัว หากรับประทานเป็นประจำทุกวันในปริมาณที่เหมาะสมก็จะช่วยป้องกันการเกิดโรคเรื้อรังได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยบำรุงสายตาให้มองเห็นชัด บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง ผิวชุ่มชื้น มีชีวิตชีวา แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุ ปัญหาสุขภาพ และสภาวะร่างกายของผู้ที่รับประทานด้วยนะคะ ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงตามมาด้วยนะคะ

ควรทานแอสตาแซนธินปริมาณเท่าไหร่ต่อวัน

สำหรับปริมาณที่เหมาะสำหรับร่างกายจะอยู่ที่ 2 - 12 มก. ต่อวัน ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทานจะดีที่สุดค่ะ

แอสตาแซนธิน กินตอนท้องว่างได้ไหม

ได้ค่ะ เพราะจะทำให้ไขมันในอาหารดูดซึมแอสตาแซนธินเข้าสู่เซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

แอสตาแซนธิน กินก่อนนอนได้ไหม

ไม่ควรค่ะ เพราะแอสตาแซนธินมีฤทธิ์ช่วยป้องกันมลภาวะต่าง ๆ ที่เข้าสู่ร่างกายของเรา ดังนั้นจึงควรทานช่วงเช้าซึ่งเป็นช่วงที่มีอนุมูลอิสระเข้าสู่ร่างกายมากกว่าช่วงก่อนนอนที่แทบไม่ได้ออกไปไหนเลยค่ะ

แอสตาแซนธิน มีผลต่อตับไหม

มี แต่ผลดีค่ะ เพราะแอสตาแซนธินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่ช่วยยับยั้งการเกิดสารอนุมูลอิสระในไมโทคอนเดรียของตับได้ดีกว่าวิตามิน E ถึง 1,000 เท่า ดังนั้นจึงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายค่ะ

แอสตาแซนธิน อันตรายไหม เลือกทานอย่างไรดี

ครูก้อยไม่แนะนำให้ทานเกินวันละ 48 มิลลิกรัม เพราะอาจเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงตามมา ไม่ว่าจะเป็นการขับถ่ายบ่อยขึ้น อุจจาระมีสีแดง ความดันโลหิตลดต่ำลง ระดับแคลเซียมลดลง หรือแม้แต่ระดับฮอร์โมนเพศชายที่ผิดปกติได้ด้วยค่ะ

แอสตาแซนธิน ห้ามกินคู่กับอะไร

แม้ว่าจะมีคุณประโยชน์มากมาย แต่คุณไม่ควรทานควบคู่กับยาบางประเภท เช่น ยาวาร์ฟาริน (Wafarin) เด็ดขาดนะคะ เพราะอาจทำให้มีเลือดออกภายในร่างกายมากขึ้นและเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงยากลุ่ม 5-Alpha Reductase Inhibitor เช่น ยาดูทาสเทอไรด์ (Dutasteride) และยาฟีนาสเตอไรด์(Finasteride), ยารักษาความดันโลหิตสูง ยากดภูมิคุ้มกัน และยาสมุนไพรบางชนิดอีกด้วยค่ะ

แอสตาแซนธิน มีขายที่ไหน

A.O.S By KruKoy เอ โอ เอส บาย ครูก้อย เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ครูก้อยคิดค้นขึ้นสำหรับเพื่อผู้หญิงที่มีภาวะมีบุตรยาก เนื่องจากเซลล์ไข่ที่ไม่มีคุณภาพ ไข่ไม่สมบูรณ์จากการถูกทำลายของอนุมูลอิสระ ด้วย 10 สารสกัดของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งมีงานวิจัยรองรับว่าสามารถช่วยเพิ่มคุณภาพของเซลล์ไข่ ให้พร้อมสำหรับการปฏิสนธิ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระกว่า 10 ชนิด ด้วยสารสกัดที่ให้ที่สารต้านอนุมูลอิสระโดยตรงแก่ร่างกาย (Primary antioxidant) และสารสกัดที่จะไปกระตุ้นการสร้างอนุมูลอิสระ (Secondary antioxidant) จึงเพิ่มประสิทธิภาพการต้านอนุมูลอิสระแก่ร่างกายและเซลล์ไข่ได้เป็นอย่างดี

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: A.O.S By KruKoy เอ โอ เอส บาย ครูก้อย

บทความที่น่าสนใจ

• โพรไบโอติกคืออะไร สำคัญต่อคุณแม่เตรียมท้องแค่ไหน

• เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้พร้อมตั้งครรภ์ ด้วยการเติมโพรไบโอติกให้ร่างกาย

• กินโพรไบโอติกทุกวันดีมั้ย ทำไมใครหลายคนหันมากินกันมากขึ้น