ภาวะท่อนำไข่บวมน้ำ อีกหนึ่งปัญหาในคุณแม่ที่ส่งผลให้การมีเจ้าตัวน้อยเป็นเรื่องยาก เนื่องจากท่อนำไข่มีลักษณะที่ผิดปกติจึงทำให้การทำงานไม่ได้ประสิทธิภาพนั่นเองค่ะ อย่างไรก็ดี คุณแม่หลายๆ คนคงกำลังหวั่นใจอยู่ไม่ใช่น้อย ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาคุยกันเรื่องปัญหาท่อไข่บวมน้ำเพื่อคลายกังวลและข้อสงสัยอื่นๆ ให้กับคุณแม่กันค่ะ
ภาวะท่อนำไข่บวมน้ำ คืออะไร อันตรายไหม รักษาได้หรือเปล่า?
“ท่อนำไข่ผิดปกติ” ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด คืออีกหนึ่งปัญหาของคู่รักที่ตกอยู่ในภาวะมีบุตรยากต้องเผชิญ เพราะท่อนำไข่จะมีลักษณะเป็นท่อเล็กๆ ที่อยู่สองข้างมดลูก ทำหน้าที่ทางผ่านเส้นสำคัญของอสุจิที่จะผ่านเข้ามาเพื่อปฏิสนธิกับไข่ แต่หากท่อนำไข่มีความผิดปกติ อสุจิจะไม่สามารถเดินทางมาเพื่อปฏิสนธิกับไข่ได้และตามมาด้วยปัญหาการมีบุตรยาก
ภาวะท่อนำไข่บวมน้ำคืออะไร
คู่สมรสที่ต้องการมีบุตรจำนวนหนึ่ง พบว่าสาเหตุที่ทำให้มีบุตรยากเกิดจากภาวะที่ท่อนำไข่มีความผิดปกติ นั่นคือท่อนำไข่ส่วนปลายเกิดการอุดตันทำให้สารคัดหลั่งที่สร้างจากเซลล์ภายในท่อนำไข่ไม่สามารถจะระบายออกไปได้ จึงเกิดภาวะที่มีน้ำคั่งอยู่ในท่อนำไข่ และท่อนำไข่ก็จะบวมพองออกเป็นกระเปาะ เรียกว่าภาวะท่อนำไข่บวมน้ำ ( hydrosalpinx )
ท่อนำไข่มีความสำคัญอย่างไรในการตั้งครรภ์
ท่อนำไข่เป็นอวัยวะที่มีความสำคัญมากในขบวนการปฏิสนธิ เป็นจุดแรกเริ่มของการปฏิสนธิเป็นตัวอ่อน จากนั้นตัวอ่อนจะเดินทางจากบริเวณที่ปฏิสนธิใช้เวลา 5-6 วันเข้าสู่โพรงมดลูก และทำการฝังตัว หากมีการอุดตันของท่อนำไข่ อาจจะด้วยการติดเชื้อ หรือมีพังผืดมารัดคลุมตรงส่วนปลายท่อ จะทำให้ของเหลวที่ท่อนำไข่สร้างขึ้นมา ไม่สามารถระบายออกมาที่ปลายท่อได้ และจะสะสมอยู่ในท่อนำไข่จนโป่งพองกลายเป็นถุงน้ำ ( hydrosalpinx ) ซึ่งจะทำให้มีผลเสียต่อการตั้งครรภ์ คือมีการไหลย้อนกลับของน้ำภายในท่อนำไข่ที่โป่งพองนี้ เข้าสู่โพรงมดลูก ทำให้น้ำนี้ไปพัดพาตัวอ่อน ยับยั้งตัวอ่อนจากการฝังตัวมีการหลั่งสารอักเสบบางตัว ทำให้โพรงมดลูกรับการฝังตัว ของตัวอ่อนน้อยลงพิษของน้ำที่ขังในท่อนำไข่ มีผลต่อการเจริญเติบโตของตัวอ่อน ทำให้ตัวอ่อนเจริญเติบโตไม่ดี
การตรวจวินิจฉัยภาวะท่อนำไข่บวมน้ำทำได้อย่างไร
สำหรับการตรวจวินิจฉัยว่าคุณแม่มีภาวะนี้หรือไม่ สามารถทำได้หลายวิธีค่ะ เช่น
การอัลตราซาวด์ทางช่องคลอด
ในหญิงที่มีบุตรยากที่มารับการตรวจวินิจฉัย ในบางครั้งจะสามารถตรวจพบภาวะท่อนำไข่บวมน้ำได้ จากการตรวจอัลตราซาวด์ทางช่องคลอด โดยจะเห็นลักษณะเป็นช่องว่างสีดำยาว แต่การเห็นลักษณะดังกล่าวจากการตรวจอัลตราซาวด์จะยังไม่สามารถวินิจฉัยภาวะนี้ได้แน่นอน ต้องมีการตรวจค้นพิเศษเพิ่มเติม นั่นคือการตรวจท่อนำไข่ด้วยวิธีการฉีดสีเอกซเรย์
การฉีดสีดูท่อนำไข่
เป็นการตรวจวินิจฉัยภาวะท่อนำไข่บวมน้ำที่แม่นยำ เนื่องจากจะสามารถเห็นลักษณะของท่อนำไข่หลังจากการฉีดสารทึบแสง จะค่อยๆพองและบวมออกเห็นเป็นลักษณะกระเปาะชัดเจน เนื่องจากสีที่ฉีดเข้าไปไม่สามารถไหลผ่านออกทางปลายท่อนำไข่เข้าสู่ช่องท้องได้ จึงเกิดการสะสมของสารทึบแสงที่ใช้ฉีดและมองเห็นได้ชัดเจนจากการเอกซเรย์
การผ่าตัดส่องกล้องเพื่อวินิจฉัย
ในผู้ป่วยบางรายที่จำเป็นต้องใช้การผ่าตัดส่องกล้องเพื่อหาสาเหตุของการมีบุตรยาก โดยจะทำการฉีดสี methylene blue เพื่อเป็นการทดสอบว่าท่อนำไข่ตันหรือไม่ ถ้าปรากฏว่าท่อนำไข่ตัน เราจะเห็นลักษณะของท่อนำไข่หลังจากฉีด methylene blue เป็นลักษณะท่อยาวพองบวม สีข้างในจะออกน้ำเงิน เป็นลักษณะเฉพาะของภาวะนี้
วิธีการรักษาทำได้อย่างไรบ้าง?
การใช้ยาปฏิชีวนะ
เจาะดูดน้ำภายในท่อนำไข่ทิ้ง
การผ่าตัดเอาท่อที่บวมน้ำออก
การรักษาท่อนำไข่ที่บวมน้ำจะช่วยเพิ่มอัตราการความสำเร็จในการฝังตัวของตัวอ่อน และเพิ่มความสำเร็จในการตั้งครรภ์ได้มากขึ้น เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดของการประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์คือความสมบูรณ์ของร่างกายคุณพ่อและคุณแม่ ดังนั้น หากกังวลว่าตนเองมีความเสี่ยงที่ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจหาแนวทางในการรักษาที่เหมาะสม
จากการศึกษาวิจัยจำนวนมากพบว่า....
การตัดท่อนำไข่ที่บวมน้ำออกจะช่วยเพิ่มอัตราการฝังตัว และการตั้งครรภ์อย่างชัดเจน ในขณะที่การให้ยาปฏิชีวนะ หรือการดูดน้ำจากท่อนำไข่ ไม่มีผลช่วยในเรื่องการตั้งครรภ์
ดังนั้นสาเหตุการมีบุตรยากจากภาวะท่อนำไข่บวมน้ำนี้ แพทย์ที่ทำการรักษาจึงมักจะแนะนำให้ผ่าตัดเพื่อเอาท่อนำไข่ที่บวมออกไปเพื่อเพิ่มโอกาสในการมีบุตร
Comments