ในการทำเด็กหลอดแก้ว การคัดโครโมโซมตัวอ่อนก่อนการฝังตัวเป็นการเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตามถึงแม้จะมีการคัดโครโมโซมตัวอ่อนแล้ว ไม่ได้หมายความว่าตัวอ่อนจะปกติ100% หรือฝังตัวติดทุกกรณี วันนี้เราไปศึกษากันค่ะว่าการใส่ตัวอ่อนไม่ติดเกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง
การตรวจคัดกรองโครโมโซมตัวอ่อนก่อนการฝังตัว (Preimplantation Genetic Screening หรือ PGS) เป็นวิธีการตรวจวิเคราะห์ทางพันธุกรรมที่เป็นขั้นตอนหนึ่งของกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว
สำหรับผู้ที่มีบุตรยาก ปัจจุบันเทคโนโลยีการตรวจโครโมโซมของตัวอ่อน Next-Generation sequencing (NGS) ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาสำหรับการตรวจคัดกรองหาความผิดปกติของโครโมโซมตัวอ่อนระยะ 3 วัน หรือ 5 วัน ก่อนย้ายคืนสู่โพรงมดลูก โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ คัดกรองโครโมโซมผิดปกติที่รุนแรงซึ่งมีผลต่อการฝังตัว เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จของการตั้งครรภ์
●การตรวจคัดกรองโครโมโซมตัวอ่อนเหมาะกับใคร?
สตรีที่มีอายุกว่า 35 ปี ที่ต้องการมีบุตร
สตรีที่มีประวัติการแท้งบุตรหลายครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ
สตรีที่เคยมีประวัติแท้งบุตรที่โครโมโมโซมผิดปกติ
คู่แต่งงานที่เคยทำเด็กหลอดแก้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไป
●วิธีการคัดโครโมโซมตัวอ่อนก่อนการฝังตัว
ตัวอ่อนที่มีคุณภาพดีจะได้รับการแยกเซลล์ออกมา 1-2 เซลล์ ด้วยเครื่องมือชนิดพิเศษโดยใช้เลเซอร์หรือกรด
เซลล์ที่ได้จะถูกนำมาตรวจในห้องปฏิบัติการเพื่อวินิจฉัยว่าเซลล์นั้นมีความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ต้องการตรวจหาหรือไม่
ตัวอ่อนเฉพาะที่มีเซลล์ที่ตรวจพบว่ามีความปกติเท่านั้นที่จะได้ย้ายเข้าโพรงมดลูกตามขั้นตอนการย้ายตัวอ่อนเข้าโพรงมดลูกต่อไป
.
●เหตุใดคัดโครโมโซมตัวอ่อนแล้วยังใส่ไม่ติด?
ปัจจัยที่มีผลต่อการฝังตัว กรณีทำเด็กหลอดแก้วนั้น นอกจากโครโมโซมที่ปกติแล้ว ยังมีสาเหตุหลักๆ อยู่ 4 ประการ ดังนี้ค่ะ
(1) คุณภาพตัวอ่อน
นอกจากโครโมโซมของตัวอ่อนต้องปกติทุกคู่แล้ว เกรดตัวอ่อนก็สำคัญไม่แพ้กัน ต้องเกรด A แข็งแรง คุณภาพดี ซึ่งคุณภาพของตัวอ่อนนี้จะดีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับคุณภาพของเซลล์ไข่และสเปิร์มตั้งต้นเป็นหลักค่ะ เช่น ผู้หญิงที่มีอายุมาก โครโมโซมของเซลล์ไข่ก็จะผิดปกติมากขึ้นด้วย ทำให้เมื่อเกิดการปฏิสนธิจะได้ตัวอ่อนที่คุณภาพไม่ดี หรือ ตัวอ่อนทีมีโครโมโซมผิดปกติ
นอกจากนี้พลังงานในเซลล์ตัวอ่อนต้องเพียงพอที่จะทำให้ตัวอ่อนนั้นแบ่งเซลล์ไปต่อได้ตามเกณฑ์
(2) ผนังมดลูกต้องสมบูรณ์พร้อมรับการฝังตัว
ผนังมดลูกต้องหนาพอ ใสเป็นสุ้น เรียงสวยสามชั้น (Triple lines) และมดลูกต้องอุ่น ไม่เย็นผนังมดลูกที่พร้อมในการฝังตัวต้องไม่หนาทึบอันเกิดจากการทับถมของประจำเดือนเก่าที่คั่งค้าง ซึ่งส่งผลให้เลือดไม่ไหลเวียนไปเลี้ยงมดลูกได้อย่างเพียงพอ ฝังตัวได้ยาก
และเยื่อบุโพรงมดลูกต้องไม่บางเกินไป โดยควรมีความหนาอยู่ที่ 8-10 มิล ในวันนัดใส่ตัวอ่อนยิ่งไปกว่านั้นมดลูกต้องมีตัวรับฮอร์โมนยาที่ดี คือ มีตัว Receptorในมดลูกที่ตอบสนองฮอร์โมนยาโปรเจสเตอโรนหรือเอสโตรเจน ที่หมอให้ได้ดี ซึ่งในปัจจุบันไม่สามารถเทสตรงนี้ได้ว่าใครมีตัว Receptor ดีหรือไม่ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล บางคนหมอให้ยา 10 ก็ตอบสนองรับได้ 10 บางคนรับได้ 5 โอกาสในการฝังตัวของตัวอ่อนก็จะแตกต่างกันไป
ในเรื่องของมดลูกนั้น ยังมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลต่อการฝังตัวของตัวอ่อน ได้แก่
2.1 เนื้องอกในโพรงมดลูก
หากมีเนื้องอกในโพรงมดลูกขนาดใหญ่ และเนื้องอกนั้นอยู่ในตำแหน่งที่อาจจะขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อนได้ ก่อนเข้ากระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว จะต้องมีการตรวจภายในให้เรียบร้อยก่อน หากพบเนื้องอกในโพรงมดลูก แพทย์จะได้รักษาหรือผ่าตัดออกก่อนจะเข้ากระบวนการต่อไป
2.2 ผนังมดลูกพริ้ว
เกิดจากการเคลื่อนตัว หรือเกร็งตัวของมดลูก ซึ่งเกิดขึ้นได้เองตลอดเวลา ไม่สามารถบังคับหรือห้ามได้ ทำให้มดลูกมีการบีบตัว และอาจส่งผลต่อการฝังตัวของตัวอ่อนได้ ในกรณีที่มีการเคลื่อนตัวมากผิดปกติ แพทย์อาจพิจารณาให้ทานยาคลายกล้ามเนื้อมดลูกเพื่อรักษาก่อนใส่ตัวอ่อนค่ะ
2.3 มีภาวะความบกพร่องของการหลั่งฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Luteal phase defect)
ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สำคัญต่อการตั้งครรภ์ต่ำเกินไป ทำให้ผนังมดลูกไม่ฟอร์มตัวหนาขึ้นพร้อมที่จะรองรับการฝังตัวของตัวอ่อน ส่งผลให้ตัวอ่อนไม่ฝังตัว หรือแท้งในระยะเริ่มต้น
ในกรณีที่ฝ่ายหญิงมีผนังมดลูกไม่พร้อมเพราะฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนต่ำ แพทย์อาจต้องให้ยาฮอร์โมนเสริมให้มดลูกพร้อมก่อน การย้ายตัวอ่อนก็อาจต้องเลื่อนระยะเวลาออกไปอีกค่ะ
2.4 อุ้งเชิงกรานอักเสบ
ซึ่งเป็นการติดเชื้อบริเวณระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ได้แก่ มดลูก ปีกมดลูกและท่อนำไข่ ซึ่งหากมีการติดเชื้อที่มดลูกจะส่งผลต่อการฝังตัวของตัวอ่อน หรือ การแท้งในระยะเริ่มต้น
(3) มีโรคประจำตัวที่ยังไม่ได้รับการรักษาซึ่งมีผลต่อการฝังตัวของตัวอ่อน ได้แก่ โรคเบาหวาน ความดัน ไขมันสูง มะเร็งปากมดลูก ฮอร์โมนไทรอยด์ (TSH) สูง
(4) การดูแลตัวเองหลังใส่ตัวอ่อน
โดยแม่ที่ใส่ตัวอ่อนนั้นใน 7 วันแรกเป็นช่วงเวลาที่ตัวอ่อนกำลังฝังตัว แม่ๆควรงดการเคลื่อนไหวเร็ว ไม่ยกของหนัก งดการออกกำลังกาย ระมัดระวังเรื่องอาหารการกินเพื่อไม่ให้เกิดอาการท้องเสีย และท้องผูก
นอกจากนี้ต้องใช้ยาตามหมอสั่งอย่างเคร่งครัด และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ไม่เจ็บป่วย
นอกจากปัจจัยที่กล่าวมา ยังมีปัจจัยอื่นๆอีก
เช่น การสัมผัสกับสารเคมี การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมี เช่น ยารักษาสิว การใช้ยารุนแรงหรือสารเสพติด หรือ อุบัติเหตุที่ไม่สามารถควบคุมได้
ดังนั้นถึงแม้ว่าคัดโครโมโซมผ่าน ได้ตัวอ่อนเกรดA ไม่ได้หมายความว่าจะติด 100% ถ้าคัดผ่านมีโอกาสติด 75% อีก 25 % ก็เป็นปัจจัยอื่นๆ ตามที่กล่าวมาข้างต้นค่ะ
ที่สำคัญคือ การตรวจโครโมโซมไม่สามารถดึงเอาทุกเซลล์มาตรวจได้ จะดึงแค่เซลล์บางส่วนมาตรวจ ดังนั้นจึงยังมีข้อจำกัดตรงนี้อยู่ แม่ๆ จึงต้องเผื่อใจไว้บ้างค่ะ ถึงแม้การแปรผลจากการตรวจโครโมโซมคือผ่านก็จริง แต่ก็ยังมีเซลล์ที่ไม่ได้ตรวจ มันก็อาจเป็นเซลล์เหล่านั้นก็ได้ที่ผิดปกติค่ะ
.
.
ท้ายที่สุดนี้การดูแลร่างกายให้แข็งแรง เตรียมบำรุงผนังมดลูกให้พร้อมก่อนใส่ตัวอ่อน และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และดูแลตัวเองหลังใส่ตัวอ่อน
ก็จะเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสในการฝังตัวได้ค่ะ
Comments