top of page
ค้นหา

8 สุดยอดสารอาหารต้านอนุมูลอิสระ กินแล้วเซลล์สวย สุขภาพดี

หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าสารอาหารต้านอนุมูลอิสระมีข้อดีมากมาย อีกทั้งหาทานได้ไม่ยาก แล้วมีสารไหนทำหน้าที่อะไรบ้าง ครูก้อยมีคำตอบค่ะ


8 สุดยอดสารอาหารต้านอนุมูลอิสระ


1. วิตามิน C


มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสี ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น มีส่วนสร้างคอลลาเจน ป้องกันริ้วรอยและผิวเสื่อมสภาพ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน ลดอาการโรคภูมิแพ้ ป้องกันโรคที่มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับอนุมูลอิสระ ไม่ว่าจะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคอัลไซเมอร์ โรคมะเร็ง หรือโรคภูมิแพ้


2. วิตามิน D


ช่วยเสริมสร้างกระดูก ป้องกันมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่ในผู้หญิง, มะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชาย, กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน, ป้องกันและรักษาโรคซึมเศร้า ส่วนวิธีการรับวิตามินดีให้เพียงพอก็ง่ายแสนง่าย ไม่ต้องใช้เงินเลยแม่แต้นิดเดียว เพียงแค่เดินออกไปรับแสงแดดยามเช้าช่วง 7:00 น. ก็พอแล้วล่ะค่ะ


3. วิตามิน E


เนื่องจากเป็นวิตามินที่ละลายในไขมันเท่านั้น จึงเหมาะกับบางบริเวณของร่างกายซึ่งเป็นไขมัน อย่างเช่น เยื่อหุ้มเซลล์ ที่ต้องอาศัยวิตามินละลายได้ในไขมันเข้าไปจัดการกับอนุมูลอิสระ พูดง่ายๆ คือ วิตามิน C กับวิตามิน E นั้น จะแบ่งโซนการดูแลจัดการทำลายอนุมูลอิสระนั่นเอง นอกจากจะช่วยปกป้องคุ้มครองคอลลาเจนให้รอดพ้นจากการทำลายของอนุมูลอิสระแล้ว วิตามิน E ยังช่วยเพิ่มความแข็งแรง ไม่ให้ผนังเซลล์ถูกทำลาย จากการศึกษาพบว่า วิตามิน E มีส่วนช่วยป้องกันโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เส้นโลหิตในสมองตีบ อัลไซเมอร์ และมะเร็งได้ด้วย


3. โคเอนไซม์คิวเท็น


เป็นสารที่ช่วยเอนไซม์ให้ทำงานและเสริมสร้างให้ระบบร่างกายทำงานเป็นปกติ ส่วนมากพบในอวัยวะที่ใช้พลังงานมากอย่างเช่น เซลล์หัวใจและเซลล์กล้ามเนื้อ ส่วน Q10 เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญที่มีอยู่ในร่างกายของคนเราอยู่แล้ว แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น (ตั้งแต่อายุ 30 ปีขึ้นไป) พบว่าระดับ Q10 ในเซลล์ต่างๆ จะถูกสร้างน้อยลง


จากการศึกษาในกลุ่มคนไข้ที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว พบว่าเมื่อทาน Q10 เสริมแล้วพบว่าการทำงานของหัวใจดีขึ้น ในส่วนของผิวหนังพบว่า เมื่อถูกแสงยูวีเอ UV A ทำลาย เกิดเป็นอนุมูลอิสระขึ้น Q10 เปรียบเสมือนพลทหารด่านแรกที่เข้าปกป้องผิวให้รอดพ้นจากการทำลายของอนุมูลอิสระ


4. แอลฟาไลโพอิกแอซิด (Alpha lipoic acid)


หรือ ALA มีหน้าที่รีไซเคิลวิตามินตัวอื่น ได้แก่ วิตามิน C, E, โคเอนไซม์คิวเท็น และกลูตาไธโอน ที่ถูกใช้ไปแล้วให้กลับมาใช้ใหม่ได้อีกครั้ง และยังช่วยต้านอนุมูลอิสระในบริเวณที่เป็นไขมันและบริเวณที่เป็นน้ำ เปรียบได้กับทหารหน่วยรบพิเศษที่บุกโจมตีข้าศึกได้ทุกที่ มีการศึกษาพบว่า ALA อาจช่วยลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนในคนไข้โรคเบาหวาน มีฤทธิ์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้โดยธรรมชาติ ในฝั่งยุโรปจึงนำ ALA มาใช้เป็นตัวเสริมในการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน


5. สารสกัดจากองุ่น


องุ่นประกอบด้วยสารสำคัญ 2 อย่างคือ เรสเวอราทรอล (Resveratrol) ซึ่งพบมากในผิวองุ่น และ OPC (Oligomeric, proanthocyanidin, Proanthocyanidin, Pycnogenol) พบมากในเมล็ด นักวิจัยจากฮาร์เวิร์ดได้ทำการทดลองแล้วพบว่า Resveratrol สามารถยืดอายุขัยของเซลล์ได้ โดยไปกระตุ้นยีน Sirtuin 2 ซึ่งเป็นยีนที่มีบทบาทในการยืดอายุเซลล์ให้มีชีวิตยืนยาว นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคหัวใจ ยับยั้งการเกาะกันของเกล็ดเลือด ลดไขมันตัวไม่ดี และป้องกันมะเร็งผ่านการกระตุ้นยีนกดการทำงานของมะเร็ง ส่วนสาร OPC พบได้ในผลิตภัณฑ์พวก Grape seed extract จากการศึกษาพบว่า การทาน OPC เปรียบเสมือนมีสารกันแดดจากภายใน เพราะ OPC ช่วยลดการถูกทำลายจากแสง UV ของเซลล์ผิวหนังลงถึง 15% และช่วยยับยั้งการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนได้อีกด้วย


6. โอเมก้า 3


โอเมก้า 3 หรือน้ำมันเข้มข้นที่สกัดจากปลาทะเลน้ำลึกย่านอลาสก้า ในทางวิทยาศาสตร์ถือว่าเป็น Natural COX 2 inhibitor ชั้นยอด เป็นสารที่สามารถยับยั้งการสร้างสารก่อการอักเสบ (Inflammation) ต่างๆ ในร่างกาย เปรียบได้กับน้ำยาจากถังดับเพลิงที่ช่วยยับยั้งและลดการเผาผลาญของเปลวไฟที่ลุกลามอยู่ภายในเซลล์ร่างกายของเรานั่นเอง โอเมก้า 3 ช่วยเพิ่มระดับไขมันตัวดี (HDL) ลดระดับ Triglyceride ลดการอักเสบของหลอดเลือดหัวใจ ช่วยลดความดันในผู้ป่วยความดันสูง ช่วยลดการอักเสบของเซลล์สมอง ป้องกันอัลไซเมอร์ ลดอาการข้ออักเสบรูมาตอยด์


8. ไบโอฟลาโวนอยด์


หรือที่ใครหลายคนรู้จักกันในชื่อ "วิตามิน P" (Permeability) หรือ "ตัวควบคุมการซึมผ่านของเส้นเลือดฝอย" ไบโอฟลาโวนอยด์ทำหน้าที่เพิ่มความแข็งแรงของเส้นเลือดฝอยและควบคุมการดูดซึมสารต่างๆ ผ่านผนังเส้นเลือด โดยฟลาโวนอยด์เป็นสารที่ให้สีเหลืองและสีส้มแก่ผลไม้ในกลุ่มส้มและผลไม้รสเปรี้ยวอื่นๆ จึงพบได้ตามธรรมชาติ เช่น ส่วนกากสีขาวของผลไม้รสเปรี้ยวทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น มะกรูดส้ม, มะนาว, เกรปฟรุต, เอพริคอต, เชอร์รี่, แบล็กเบอร์รี่, โรสฮิป เป็นต้น


ไบโอฟลาโวนอยด์ จัดเป็นสารซุปเปอร์แอนตี้ออกซิแดนท์ที่มากกว่าวิตามิน C และ E ถึง 50 เท่า ช่วยเสริมภูมิต้านทาน ป้องกันโรคติดเชื้อ ป้องกันและรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน เพิ่มความแข็งแรงให้ผนังเส้นเลือดฝอย จึงป้องกันการเกิดรอยฟกช้ำและการเสื่อมถอยของเซลล์ ป้องกันไม่ให้วิตามิน C ถูกทำลายจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของวิตามิน C ให้ดีขึ้น


น้ำมะกรูด SHOT 100% by ครูก้อย อีกหนึ่งทางเลือกที่ดีกว่า


สำหรับใครที่กำลังมองหาอาหารเสริมที่อุดมไปด้วยสารอาหารต้านอนุมูลอิสระแบบเน้นๆ ครูก้อยขอแนะนำน้ำมะกรูด SHOT 100% by ครูก้อย หนึ่งในตัวช่วยสำหรับคุณแม่เตรียมท้องทั้งแบบธรรมชาติและเตรียมทำ IUI, IVF และ ICSI ช่วยเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ ในน้ำมะกรูดคั้นสดขวดนี้อุดมไปด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระไว้อย่างครบถ้วน มีสรรพคุณที่เหมาะสำหรับแม่ๆ หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น

  • ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนสตรี

  • ช่วยปรับประจำเดือนให้มาสม่ำเสมอ ไม่ขาดไม่หาย

  • ช่วยดึงรอบวงจรการตกไข่ให้ปกติ อีกทั้งช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด

  • เพิ่มสภาวะความเป็นด่างให้ร่างกาย ส่งผลต่อการเยียวยา PCOS (ภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง) ทำให้ฮอร์โมนเพศหญิงสมดุลขึ้น เพิ่มมูกตกไข่

  • บำรุงผิวพรรณผุดผ่องสดใส

  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน


วิธีรับประทาน


1. คุณแม่ปล่อยธรรมชาติ

  • ดื่มทุกวัน วันละ 2 SHOT เช้า 1 SHOT และก่อนนอน 1 SHOT

  • ดื่มช่วงเวลาไหนก็ได้เมื่อท้องว่าง เพื่อให้ร่างกายดูดซึมวิตามินได้ดีที่สุด

  • หยุดทานทันทีเมื่อตั้งครรภ์

2. คุณแม่ที่ต้องการบำรุงไข่เพื่อทำ IUI, IVF, ICSI (เด็กหลอดแก้ว)

  • ดื่มทุกวัน วันละ 2 SHOT เป็นเวลา 3 เดือน ก่อนเก็บไข่หรือฉีดเชื้อ

  • ช่วงฉีดกระตุ้นไข่ ให้ดื่มวันละ 4 SHOT (แบ่งดื่มเช้า, สาย, บ่าย และก่อนนอน) เพื่อให้ได้ไข่สมบูรณ์ ลดภาวะไข่ฝ่อเสียหายเป็นการเพิ่มโอกาสให้ตัวอ่อนถึงระยะบลาสโตซีสต์ได้อีกเท่าตัว

3. ช่วงเตรียมผนังมดลูก

  • ดื่มวันละ 1 SHOT เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด เพิ่มออกซิเจนไปเลี้ยงบริเวณมดลูก ทำให้มดลูกอุ่น ลดการอักเสบและสร้างความพร้อมในการฝังตัวของตัวอ่อน

4. ใส่ตัวอ่อนแล้ว หรือคนท้องอ่อน (1-3 เดือนแรก)

  • ควรงดดื่ม เนื่องจากมะกรูดมีฤทธิ์ระบายอ่อนๆ อาจทำให้ท้องเสีย)

5. คำแนะนำเฉพาะกรณี

  • มือใหม่หัดดื่มสามารถดื่มแบบเจือน้ำ เมื่อดื่มไปสักพักแล้วค่อยปรับเป็นแบบเพียวๆ

  • หากเป็นโรคกระเพาะ, กรดไหลย้อน หรือโรคโลหิตจาง แนะนำให้ดื่มน้ำมะกรูด 70% ผสมน้ำผึ้งชันโรงแทน

น้ำมะกรูด SHOT 100% by ครูก้อย ขนาดบรรจุ 1 แพ็ค มี 10 ขวด (1 ขวด บรรจุ 150 ml) ราคาแพ็คละ 600 บาท สนใจสั่งซื้อคลิก


บทความที่น่าสนใจ

ดู 153 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


ครูก้อย.jpg

คุยกับครูก้อย/ทีมงาน

ครูก้อยเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด และเป็นเจ้าของเพจ BabyAndMom.co.th (เพจให้ความรู้สำหรับผู้มีบุตรยาก) ครูก้อยยินดีอย่างยิ่งที่จะแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ตรงตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ท่านใดที่ต้องการคุยกัน สามารถทัก LINE@ เข้ามาได้เลยนะคะ โดยจะมีครูก้อยและทีมงานคอยให้การต้อนรับค่ะ

bottom of page