ปัจจุบันพบว่า 1 ใน 3 ของผู้หญิงที่เป็น เบาหวานขณะตั้งครรภ์ เนื่องจากการตั้งครรภ์ตอนอายุมาก ถ้าภาวะนี้ไม่ได้รับการควบคุม จะมีผลกระทบต่อทั้งตัวแม่และทารกในครรภ์ได้
โดยแม่ท้องที่มีภาวะเบาหวานมีความเสี่ยงภาวะเสี่ยงต่อตัวคุณแม่ เช่น อาการครรภ์เป็นพิษ ความดันโลหิตสูง ติดเชื้อง่ายโดยเฉพาะระบบทางเดินปัสสาวะนอกจากนี้ความเสี่ยงยังส่งผลไปยังลูกน้อยอีกด้วย เช่น ระดับน้ำตาลที่สูงจะส่งผลให้ทารกตัวใหญ่กว่าปกติ ทำให้คลอดยาก คลอดธรรมชาติไม่ได้ หลังคลอดระบบการหายใจของทารกอาจมีปัญหาพัฒนาช้ากว่าปกติ ไม่สามารถหายใจได้เองเมื่อแรกคลอด เสี่ยงต่อการเกิดภาวะเหลืองหลังคลอดมากกว่าทารกทั่วไป
.
●เบาหวานขณะตั้งครรภ์เกิดขึ้นได้อย่างไร?
เบาหวาน เกิดจากการทำงานของ “ฮอร์โมนอินซูลิน” ในร่างกายผิดปกติ ส่งผลให้อินซูลิน ซึ่งมีหน้าที่นำน้ำตาลในเลือดเข้าสู่เซลล์ต่างๆ เพื่อไปใช้เป็นพลังงาน ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพและเกิดการคั่งของน้ำตาลในเลือดส่งผลให้อวัยวะต่างๆ เสื่อม
แม่ๆ คงสงสัยใช่มั้ยคะว่าตอนที่ไม่ท้องก็ปกติดี แต่พอท้องแล้วทำไมจึงเป็นเบาหวานไปได้ ก็เนื่องมาจากเมื่อตั้งครรภ์ ฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายจะเปลี่ยนแปลง รกจะสร้างฮอร์โมนบางชนิดที่มีฤทธิ์ต่อต้านฮอร์โมนอินซูลินที่คอยคุมระดับน้ำตาลในเลือด จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น จึงเรียกว่า เบาหวานขณะตั้งครรภ์นั่นเอง
ถ้าภาวะนี้ไม่ได้รับการควบคุม จะมีผลกระทบต่อทั้งตัวแม่และทารกในครรภ์ได้ แต่เมื่อคลอดแล้วคุณแม่ก็จะกลับสู่ภาวะปกติที่ไม่เป็นเบาหวาน แต่ก็ยังต้องคอยติดตามตรวจสุขภาพให้ดี เพราะผู้ที่เคย
เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ในอนาคตมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานจริงๆ มากกว่าคนที่ไม่เป็นค่ะ
.
●รู้ได้อย่างไรว่าเป็น เบาหวานขณะตั้งครรภ์?
การตรวจคัดกรองเพื่อค้นหาเบาหวานขณะตั้งครรภ์ จะเริ่มทำเมื่ออายุครรภ์ประมาณ 24-28 สัปดาห์ ในคุณแม่ที่ไม่มีประวัติเป็นโรคเบาหวานมาก่อน แต่สำหรับคุณแม่ที่มีความเสี่ยงสูง หรือเป็นเบาหวานอยู่แล้วจะเริ่มตรวจตั้งแต่มาฝากครรภ์ครั้งแรกเลย
คุณแม่จะต้องมาตรวจเลือดตอนเช้าก่อนรับประทานอาหารและน้ำ หลังจากนั้นคุณหมอจะให้ดื่มน้ำตาลกลูโคส 50 กรัม จากนั้น 1 ชั่วโมง จะตรวจระดับน้ำตาลในเลือด หากพบว่าระดับน้ำตาลเท่ากับหรือมากกว่า 140 มก./ดล. บ่งชี้ว่าคุณแม่มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเบาหวาน จะต้องทำการ
ทดสอบต่อโดยให้ดื่มน้ำตาลกลูโคส 100 กรัมและเจาะเลือดตรวจอีก 3 ครั้ง โดยเจาะห่างกันทุกๆ 1 ชั่วโมง (รวมแล้วเจาะเลือดทั้งหมด 4 ครั้งในวันเดียวกัน) สาเหตุที่ต้องเจาะเลือดตรวจรวมกันถึง 4 ครั้ง ก็เพื่อต้องการดูว่า อินซูลินในร่างกายของคุณแม่สามารถทำงานได้ปกติหรือไม่ คุณแม่มีภาวะเบาหวานแฝงอยู่จริงๆ ใช่ไหม
.
●กินอย่างไร เมื่อมีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์?
1. งดของหวาน
เพราะอินซูลินทำงานบกพร่องอยู่แล้ว การกำจัดน้ำตาลในเลือดเป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นแม่ๆ ต้องไม่ไปเพิ่มน้ำตาลในเลือดเข้าไปอีก ให้งดของหวานเลยค่ะ ขนม น้ำหวาน น้ำอัดลม ผลไม้รสหวานจัดพวก ทุเรียน ลำใย มะม่วงสุก ให้ทานแอปเปิ้ล ส้ม กีวี พวกนี้จะดีกว่าค่ะ
2. ลดแป้ง ทานคาร์บเชิงซ้อนพวกธัญพืช
เพราะแป้งเมื่อทานเข้าไปแล้วร่างกายจะเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาล ยิ่งพวกแป้งขัดสี หรือแป้งขาว เช่น ข้าวขาว ก๋วยเตี๋ยว ขนมเค้ก จะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาลทันที ทำให้ระดับน้ำตาลสูงขึ้นเฉียบพลัน การทานอาหารพวกแป้งจึงควรเน้นทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ได้แก่ ถั่ว ข้าวกล้อง งาดำ ข้าวโอ๊ต แฟล็กซีด ธัญพืชต่างๆ เพราะนอกจากจะมีวิตามินและแร่ธาตุมากกว่าแล้ว ร่างกายยังใช้เวลานานกว่าในการย่อย จึงไม่ถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาลทันที น้ำตาลจึงไม่ค้างในกระแสเลือด
3. เน้นทานโปรตีนเพิ่มขึ้น
การทานโปรตีนช่วยคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ เพราะโปรตีนจะมีส่วนช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ทำให้อินซูลินทำงานได้ดีขึ้น ระดับน้ำตาลในเลือดก็จะไม่สูงค้าง แม่ท้องควรทานโปรตีนให้เพียงพอเพราะโปรตีนสำคัญมากในการเสริมสร้างการเจริญเติบโตของทารกและรักษาสมดุลในร่างกาย โดย
ควรเน้นทานโปรตีนที่สะอาด ไม่มีไขมันสูง เช่น ไข่ ปลา อกไก่ นมแพะ โปรตีนจากพืช เช่น ถั่วต่างๆ งาดำ โปรตีนเสริมอาหารที่เป็น plant-based protein
.
4. ทานผักผลไม้ให้ไฟเบอร์สูง
ผักผลไม้มีกากใยอาหารสูง หรือที่เราเรียกว่าไฟเบอร์ ซึ่งไฟเบอร์มีประโยชน์ในการช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยเฉพาะไฟเบอร์ชนิดที่สามารถละลายในน้ำได้ (soluble fiber)โดยไฟเบอร์ชนิดนี้มีความสามารถในการช่วยชะลอการดูดซึมของน้ำตาลจากอาหารที่เราทานเข้าสู่กระแสเลือด อีกทั้งช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวาน การทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงยังช่วยชะลอและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานอีกด้วย
ผักผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง เช่น บร็อคโคลี่ ส้ม ถั่ว อโวคาโด กล้วย ฝรั่ง มะลักอ รวมไปถึงธัญพืชต่างๆ เช่น อัลมอนด์ เมล็ดฟักทอง งาดำ ข้าวกล้อง
.
5. ดื่มน้ำขิง ช่วยคุมระดับน้ำตาลในเลือด
จากงานวิจัยเรื่อง Dietary ginger as a traditional therapy for blood sugar control in patients with type 2 diabetes mellitus ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Medicine เมื่อปี 2019
ศึกษาพบว่าการดื่มน้ำขิงสามารถช่วยคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่ 2ได้
ครูก้อยแนะนำ แม่ท้องสามารถจิบๆน้ำขิงดำเพื่อลดอาการแพ้ท้องในช่วงไตรมาสแรก ช่วงไตรมาสสองต้องระวังเรื่องเบาหวานให้ดื่มน้ำขิงดำก่อนนอนวันละ 1 แก้วได้เลยค่ะเพื่อช่วยคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์
ขิงดำ by ครูก้อย มีสรรพคุณทางยามากกว่าขิงทั่วไปถึง 5 เท่า รสชาติเผ็ดร้อนเข้มข้นกว่าถึง 3 เท่า เป็นสมุนไพรไทยที่ผู้หญิงทุกคนควรมีไว้ติดบ้านนะคะ
Comments