top of page

คุณแม่แอปเปิ้ล (นักแสดง)

รีวิวท้อง IVF, ICSI (เด็กหลอดแก้ว)

มาร่วมแสดงความยินดีกับคุณแม่ลูกสอง “น้องแอปเปิ้ล” สีสะเหงียน และพ่อ “ฟลุค จิระ” กันค่าา...ล่าสุด คลอดน้อง”จูน่า” ลูกสาวคนที่ 2 เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2564 ด้วยน้ำหนักแรกคลอด 3350 กรัม ผิวดี สมบูรณ์มากๆ หลงรักเลย🥰

ถือว่า...เป็นอีก 1 ครอบครัวที่น่ารักอบอุ่นมากๆ ค่ะ น้องจูน่า มาตามนัด เพราะคุณแม่ใส่ตัวอ่อนที่สมบูรณ์ หลังจากเตรียมผนังมดลูกจนพร้อม

👉แม่แอปเปิ้ล สีสะเหงียณ #บำรุงไข่ตามคัมภีร์ครูก้อย ก่อนไปกระตุ้น 3 เดือนค่ะ ได้ไข่สมบูรณ์ เลี้ยงถึง day5 เป็นตัวอ่อนบลาสโตซีสต์คุณภาพดี เหลือฟรีซไว้หลายตัว ☺️☺️

ใส่ตัวอ่อนครั้งที่ 1 ได้น้องจูนี่ มาสมใจในการทำครั้งแรกค่ะ

แค่รอให้น้อง “จูนี่” ลูกสาวคนแรกให้เลิกเต้า ก็เข้าสู่ขั้นตอน #การเตรียมผนังมดลูก ให้พร้อม เพื่อไปรับน้องจูน่ามาใส่ต่อได้เลยค่ะ 🥰

👉#รอบเดียวติด เพราะคุณแม่วางแผนมาดี เตรียมความพร้อมและบำรุงมาดี ทุกอย่างก็เป็นไปตามแพลน

❤️ครูก้อยขอแสดงยินดีกับครอบครัวของแม่แอปเปิ้ล และพ่อฟลุ๊คอีกครั้งนะคะ

แต่แม้ว่าจะจัดเป็นอีกหนึ่งดาราหน้าเด็กในวงการบันเทิง “แอปเปิ้ล สีสะเหงียน” คุณแม่ยังสาวของ “น้องจูนี่” และ “น้องจูน่า” แต่รู้หรือไม่ว่ากว่าจะมีลูกสาวทั้งสองมาเติมเต็มหัวใจ “แม่แอปเปิ้ล ” และ “พ่อฟลุ๊ค จิระ” ให้เบิกบานในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะแม่แอปเปิ้ลมีปัญหา PCOS ไข่ใบเล็กจำนวนมาก และพบติ่งเนื้อ หรือถุงน้ำในรังไข่ จนต้องหันกลับมาบำรุงไข่อย่างจริงจัง และพึ่งกระบวนการทางแพทย์ในการทำเด็กหลอดแก้ว

โดย “แอปเปิ้ล สีสะเหงียน” ได้เล่าว่า เริ่มปล่อยท้องตอนอายุ 30 ปี ซึ่งคิดว่าถ้าไม่คุมกำเนิดแล้วเดี๋ยวคงท้องธรรมชาติได้เอง เข้าใจว่าการท้องเป็นเรื่องที่ง่าย ก็ปล่อยธรรมชาติประมาณ 3-4 เดือน แต่ก็ไม่ท้อง และเปิ้ลมีปัญหามีประจำเดือนมาไม่ค่อยปกติ แล้วก็เริ่มเป็นกังวัลเพราะคิดว่าไม่ง่ายเหมือนคนทั่วไป จึงเริ่มศึกษา เริ่มเสิร์ชในเน็ต ลองวิธีนับวันไข่ตก ประมาณ 3 เดือน ก็ยังไม่ท้อง พร้อมกับตอนนั้นอยากมีลูกปีกุน จึงปรึกษากับ “พี่ฟลุ๊ค” ว่า ผิดปกติแล้วล่ะ และก็เริ่มกังวัลแล้วว่าถ้าช้ากว่านั้นก็จะหลุดปีกุนแล้ว เลยเริ่มไปปรึกษาหมอ ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับการรักษาผู้มีบุตรยากอะไร ว่าสเต็ปการรักษามีอะไรบ้าง ก็ทำตามสเต็ปของคุณหมอ คุณหมอจึงให้เริ่มวิธีใกล้เคียงธรรมชาติก่อน นั้นคือการฉีดเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก (IUI) โดยเริ่มกระตุ้นไข่ด้วยยาฉีดเข้าที่หน้าท้อง แต่พอวันนัดอัลตร้าซาวด์ดูไข่ ปรากฏว่า เปิ้ลมีไข่ใบเล็กๆ เต็มไปหมด คุณหมอจึงสันนิษฐานว่า น่าจะเป็น PCOS คือภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ ที่เห็นในรังไข่ว่ามีไข่เยอะๆ เต็มไปหมด ซึ่งไข่พวกนี้อาจจะคือถุงน้ำ และมักเป็นไข่อ่อน ใบเล็ก และจะไม่ตก หรือถ้าตก ก็จะไม่ค่อยมีคุณภสพ ไม่ปฏิสนธิ เนื่องจากฮอร์โมนในร่างกายไม่ค่อยสมดุล

ซึ่งหลังกระตุ้นไข่รอบนั้นเปิ้ลไข่โตแค่ 1 ใบ ขนาดแค่ 18 มิลลิเมตร และหมอก็ฉีดน้ำเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก ซึ่งตอนนั้นก็คิดว่าติดแล้ว มีอาการไข้ ตัวร้อนๆ รุมๆ คิดว่าจะท้องแล้ว แต่ก็ไม่ท้อง รอบนั้นก็เฟลไป ไม่ติด ก็กังวลมากว่า…มันมีสาเหตุเพราะอะไรได้อีก
และเปิ้ลเคยตรวจเจอ “ติ่งเนื้อ” หรือ “เนื้องอก” ที่มดลูก เมื่อ 2 ปีก่อนที่จะทำอิ๊กซี่ และซึ่งตอนนั้นมาตรวจเพื่อเช็คใหม่ว่ามันโตรึเปล่า แต่ว่าตรวจแล้วมันก็ไม่โต แล้วคลินิกแรก แนะนำว่าต้องไปผ่าติ่งเนื้อตัวนี้ออกเพราะไปขัดขวางการฝังตัวที่มดลูก ทำให้ตัวอ่อนฝังตัวไม่ได้ แล้วเปิ้ลกลัวมาก และช่วงที่พักเบรคเราก็เฟลมาก คิดว่าที่ผ่านมาไม่ติดเพราะติ่งเนื้อรึเปล่า ฟุ้งซ่านมาก ตอนนั้นก็คิดว่าอาจจะเป็นมะเร็งรึเปล่า แต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้เลย

เปิ้ลจึงไปตรวจอีกโรงพยาบาลนึง แต่ไม่ใช่แผนกมีบุตรยาก แค่ตรวจภายใน ก็ไปตรวจแบบจริงจังมาก หมอก็บอกว่ามี ติ่งเนื้อจริงๆ ขนาด 1 ซม. แต่ 1 ซม.สำหรับเปิ้ลไม่เล็กนะ ซึ่งหมอแนะนำว่า ห้ามผ่าออกเด็ดขาด เพราะถ้าผ่าจะเป็นพังผืดเลย ตอนนั้นก็อ้าว! ทำไมไม่เหมือนกันเลย ทำไมอีกทีนึงให้ผ่า อีกที่ไม่ให้ผ่า แต่ก็ตัดสินใจไม่ผ่า ซึ่งจริง ๆ ช่วงนั้นเปิ้ลซื้อประกันไว้เต็มเลย คือกังวลมาก คิดว่าตัวเองจะตาย คือเครียดและร้องไห้เกือบทุกวันเลย

และช่วงนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกันกับที่ได้รู้จัก “ครูก้อย-นัชชา ลอยชูศักดิ์” ภรรยา “พี่เจมส์- เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์” เพราะพี่ฟลุ๊คกับพี่เจมส์รู้จักกันอยฟั่แล้ว เล่นละครช่อง 8 ด้วยกันพอดี และงานแต่งเปิ้ล พี่เจมส์ก็เป็นคนร้องเพลงเปิดตัวบ่าวสาวให้ด้วย แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้พูดคุยกับครูก้อยเรื่องการมีลูก เพราะเพิ่งแต่งงาน อายุน้อย ยังคิดว่าตัวเองคงมีลูกง่ายอยู่

ครูก้อยเป็นครูวิทยาศาสตร์ เคยผ่านการรักษาผู้มีบุตรยากมาแล้วทุกกระบวนการจนเอ็กซ์เปิร์ทด้านผู้มีบุตรยากไปแล้ว จนเปิดเพจ babyandmom.co.th สอนให้ความรู้แม่ๆ ที่มีบุตรยากในการเตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์ทั้งท้องธรรมชาติและเตรียมตัวก่อนเข้าสู่กระบวนการทางแพทย์ในการทำ IUI และทำเด็กหลอดแก้ว หรือที่เรียกว่า “อิ๊กซี่” พอเปิ้ลได้คุยกับครูก้อยแล้วทำให้สบายใจขึ้น

ตอนนั้น“ครูก้อย” ท้องน้องเมดาอยู่พอดี ครูก้อยก็แนะนำเปิ้ลว่า ไข่ของเปิ้ลใบเล็ก เพราะฉะนั้นการจะทำเด็กหลอดแก้วให้ประสบความสำเร็จในครั้งแรกไม่ใช่สิ่งที่ง่าย ต้องมีการบำรุงไข่ เปิ้ลจึงตัดสินใจ บำรุงตาม “คัมภีร์อาหารที่คนอยากท้องต้องกิน” เพื่อไปทำอิ๊กซี่เลย เพราะครูก้อยบอกว่า การทำ IUI โอกาสสำเร็จมีแค่ 10 % ต่อรอบเท่านั้น และเปิ้ลอยากท้องแล้ว ไม่อยากเสียเวลา อย่างที่บอก คือ อยากมีลูกปีกุน

แล้วเราก็ถอยมาตั้งหลักกันประมาณ 3 เดือน เพื่อบำรุงก่อนเข้ากระบวนการกระตุ้นไข่ ตอนแรกเปิ้ลก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ทำบ้าง หลุดบ้าง แล้วครูก้อยพูดมาคำนึงว่า…จะสำเร็จไม่สำเร็จอยู่ที่ความจริงจังของน้อง ว่าน้องจริงจังแค่ไหน? เปิ้ลจึงลุกขึ้นมาจริงจัง และเป็นช่วงที่เปิ้ลจริงจังมาก และคุยกับพี่ฟลุ๊คด้วยให้ร่วมกันบำรุง พี่ฟลุ๊คเป็นผู้ช่วยที่ดีมาก เพราะเป็นคนเตรียมหาอาหารให้

ช่วงที่บำรุงตื่นเช้ามาก็กระดกน้ำมะกรูดคั้นสด กินน้ำผักผลไม้ปั่น กินไข่ วันละ 2 ฟอง กินอะโวคาโด้ กินโปรตีนเสริมอาหาร วันละ 2 ซอง และกินโฟลิค วิตามินบำรุงไข่ สำหรับเตรียมตั้งครรภ์ งดหวาน เลิกกินชาไข่มุก

พอบำรุงเสร็จเปิ้ลก็เปลี่ยนมาทำคลินิกเดียวกับครูก้อย สิ่งแรกที่เปิ้ลถามคุณหมอ คือ เรื่อง “ติ่งเนื้อ”คุณหมอพูดกับเปิ้ลว่า ไม่ต้องไปคิดมาก คุณหมอเปรียบเทียบว่า “มันแค่สิว” โอ้โห...เหมือนกับทุกอย่างแบบ..โล่งออกมาเลยอะ “มันแค่สิวเองเหรอคะคุณหมอ” มันแค่สิวเอง อย่าไปคิดมาก คือถ้าเราจะท้องมันไม่ได้อยู่ที่สิวตัวนี้หรอก และก็เริ่มเข้าสู่กระบวนการกระตุ้นไข่ ซึ่งก็โชคดีตรงที่ว่าเรามีประวัติเก่า ว่าเราไม่ค่อยได้รับการตอบรับที่ดีจากยาตัวนี้ หมอก็เปลี่ยนยาให้เลย

และเปิ้ลได้ความรู้จากครูก้อยเยอะมาก รวมถึงเข้าใจกระบวนการทำเด็กหลอดแก้วมากขึ้น รู้ไปถึงระดับเซลล์เลยว่า แบบไหนเรียกว่าเซลล์ไข่สวย ตัวอ่อนหลังปฎิสนธิแบ่งตัวอย่างไร

หลังฉีดกระตุ้นไข่ค่อนข้างได้รับการตอบสนองที่ดี ไข่โต 20 -22 ซม. มีไข่ประมาณ 24 ฟอง เก็บไข่ได้ 17 ใบ เป็นไข่สุก 14 ใบ แล้วนักวิทยาศาสตร์ก็จะคัดสเปิร์มที่แข็งแรงของฝ่ายชายเจาะไข่แบบ 1 ต่อ 1

ได้ตัวอ่อน Day 1 ปฏิสนธิ 8 ตัว
เลี้ยงจนถึง Day 3 เหลือ 5 ตัว
และDay 5 เหลือ 5 เท่าเดิม! ซึ่งครูก้อยบอกว่าตามสถิติแล้ว ตัวอ่อน Day3 ไปเป็น Day5 ถึงบลาสโตซีสท์ 50 % ก็ถือว่าดีมาก แต่ของเปิ้ลถึง 100% ครูก้อยบอกว่าสุดยอดมาก!!

เปิ้ลก็ส่งรูปตัวอ่อนของเปิ้ลให้ครูก้อยดู ครูก้อยบอกว่าตัวอ่อนของเปิ้ลสวยมาก แตกเซลล์เหมือนดอกไม้เลย

ตอนนั้นคุณหมอก็เลือกตัวอ่อนที่เป็นเกรด A ที่ดีที่สุด 3 ตัว และให้เปิ้ลกับพี่ฟลุ๊คเป็นคนเลือกเอง วันนั้นเลือกเบอร์ 6 เป็นเบอร์ที่สวย (คือน้องจูนี่) และถ้าใส่ตัวอ่อน อีกรอบจะเลือกเบอร์ 11 พอเลือกตัวอ่อนเสร็จแล้ว

ด้วยอายุแค่ 31 ปี คุณหมอบอกว่ายังไม่จำเป็นต้องตรวจคัดโครมาโซม เพราะอายุยังไม่ถึง 35 โครโมโซมมักจะไม่ค่อยผิดปกติ

จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการเตรียมผนังมดลูก คือกระบวนการนี้หลังได้ตัวอ่อนหมอจะให้พักมดลูก 2 เดือน ของเปิ้ล เปิ้ลไม่พัก อย่างที่บอกเปิ้ลอยากมีลูกปีกุน คุยกับหมอเลยว่าทำเลย ขอรอบเดีอนเดียว และหมอก็ให้ยามาทาน น่าจะเป็นยากดซากถุงไข่ และกดติ่งเนื้อด้วย เนื่องจากว่าภาวะ PCOS เวลากระตุ้นไข่มันจะมีไข่เยอะ มันจะมีซากถุงไข่เยอะ ถ้าเกิดเล็กลง ก็ใส่ได้ ปรากกฎว่าเล็กลงก็ได้ใส่ตัวอ่อนใน 1 รอบเดือน

และในช่วงที่พัก 1 รอบเดือน เปิ้ลก็มาเตรียมผนังมดลูกตาม “คัมภีร์อาหารที่คนอยากท้องต้องกิน” ของครูก้อยค่ะ โดยเน้นโปรตีน เพราะต้องเตรียมผนังมดลูกให้หนาตัว และแข็งแรง พร้อมฝังตัวอ่อน ครูก้อยบอกว่าในช่วงนี้ให้เน้นโปรตีนมากๆ เพราะว่าเราเร่งรัดเตรียมรอบเดือนเดียว เพราะเปิ้ลเคยเห็นภาพอัลตราซาวด์ผนังมดลูกของครูก้อยก่อนใส่ตัวอ่อน สวยมาก หนา 9 มิล เรียงสามชั้น ใสเป็นวุ้น เปิ้ลเชื่อว่าเดินตามครูก้อยแล้วจะถูกทางแน่นอน เปิ้ลก็ทานโปรตีนเยอะมากค่ะ ในช่วงนั้น แล้วก็ทานดอกคำฝอยช่วงมีประจำเดือน เพื่อขับประจำเดือนเก่าๆ ที่คั่งค้างออกไปให้หมด รวมถึงทำ Castor Oil Pack (แพ็คน้ำมันละหุ่งที่หน้าท้อง) เพื่อบำบัดมดลูกให้เลือดไหลเวียนดี ตามคำแนะนำของครูก้อยด้วย ถือว่าลอกทุกข้อเลยค่ะ

พอเตรียมผนังมดลูกเสร็จก็เตรียมใส่ตัวอ่อน คุณหมอชมว่าผนังมดลูกสวยมาก ตอนแรกขอหมอใส่ตัวอ่อน 2 ตัว หมอบอกว่าไม่ได้ เปิ้ลผอมสรีระไม่ได้ หมอบอกว่าไม่ต้องเผื่อ ใส่ตัวเดียวก็ติดแล้ว หมอมั่นใจมาก ผนังมดลูกเป๊ะ ตัวอ่อนสวย ตอนนั้นมีความหวังมาก ออกจากคลินิกให้คนขับรถขับเบาๆ ไม่ให้ไปถนนที่ขรุขระ ถึงบ้านก็ขึ้นบันไดครั้งเดียว ค่อยๆเดินขึ้นบันได กินนอนนิ่งๆ มีลุกเฉพาะตอนเข้าห้องน้ำ ต้องดูแลตัวเองไม่ให้ท้องผูกท้องเสีย พอ 4 วันผ่านไป เริ่มผ่อนคลาย ขึ้น วันที่ 6 ตรวจตั้งครรภ์เลย เพราะครูก้อยบอกว่า 7 วันเทสได้แล้ว เนื่องจากใส่ตัวอ่อนในระยะบลาสต์ หรือ Day 5 รวมอีก 7 วันเป็น 12 วันแล้ว ซึ่ง12วัน รกเริ่มผลิตแล้วจะตรวจเจอฮอร์โมน HCG

พอเทสเสร็จปุ๊บ เอาจริงๆ ความรู้สึกมันงง มันอึ้งมาก คนแรกที่แชทหาคือ “ครูก้อย” ไม่กล้าบอกพี่ฟลุค เพราะเห็น ขีดจางๆ ไม่แน่ใจ จน “ครูก้อย” บอกว่า “ท้องแล้วนะแม่เปิ้ล” พร้อมบอกว่า “ขึ้นจางแค่ไหนก็ท้อง” เพราะถ้าไม่ท้องจะไม่เห็นเลย พอบอกพี่ฟลุค ตอนนั้นพี่ฟลุ๊คยังไม่เชื่อ มาเชื่อตอนไปเจาะเลือดถึงจะเชื่อว่า “ท้องแล้ว” และตัวอ่อนในวันนั้นก็คือ “น้องจูนี่” ในวันนี้

ส่วนท้องที่ 2 เปิ้ลแค่เตรียมผนังมดลูกตามสูตรครูก้อย ตาม “คัมภีร์อาหารที่คนอยากท้องต้องกิน” ของครูก้อย และไปใส่ตัวอ่อนที่ฟรีซไว้ ใส่ครั้งเดียวติด “น้องจูน่า” เลยค่ะ สมใจคุณพ่อฟลุ๊คเค้าล่ะ

ความรู้สึกที่มีต่อครูก้อย คือ “รักที่สุดและรู้สึกว่าทุกอย่างมีทางออกเมื่อคุยกับครูก้อย” คือตอนแรกเปิ้ลรู้สึกว่าง่าย เอาเข้าจริงๆ เราต้องใช้วินัยมากๆ ในการบำรุงเตรียมพร้อมร่างกายไปก่อน

พอเจอปัญหา แล้วได้คุยกับครูก้อย มีทางออกเสมอ ยากนะแต่มีทางออก แต่ที่สำคัญต้องมีวินัย” แอปเปิ้ล สีสะเหงียน พูดทิ้งท้าย

• คลิกที่ปุ่มดูวิดีโอ เพื่อชมคลิปสัมภาษณ์ย้อนหลัง แอปเปิ้ล สีสะเหงียน ในรายการสักวันฉันจะเป็นแม่ โดย ครูก้อย นัชชา ลอยชูศักดิ์ เจ้าของเพจผู้มีบุตรยาก Babyandmom.co.th

คุณแม่แอปเปิ้ลให้สัมภาษณ์ในรายการสักวันฉันจะเป็นแม่ EP.9

เรื่องราวของ

คุณแม่แอปเปิ้ล (นักแสดง)

คุณแม่แอปเปิ้ล (นักแสดง)

ทานผลิตภัณฑ์อะไรบ้าง?

ครูก้อยขอแนะนำเซตบำรุงเพิ่มเติมดังนี้นะคะ

สั่งซื้อสินค้าผ่าน LINE@ เท่านั้น

ครูก้อย.jpg

ครูก้อย นัชชา ลอยชูศักดิ์

สวัสดีค่ะ ครูก้อยเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด และเป็นเจ้าของเพจ BabyAndMom.co.th (เพจให้ความรู้สำหรับผู้มีบุตรยาก) ครูก้อยยินดีอย่างยิ่งที่จะแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ตรงตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ท่านใดที่ต้องการคุยกัน สามารถทัก LINE@ เข้ามาได้เลยนะคะ โดยจะมีครูก้อยและทีมงานคอยให้การต้อนรับค่ะ

bottom of page